เทคนิคการถ่ายภาพแบบสื่อสาธารณะ

จากการไปเรียน Thai MOOC เรื่องเทคนิคการถ่ายภาพแบบสื่อสาธารณะ ทำให้ทราบถึง เทคนิคการถ่ายภาพและวิดีโอเบื้องต้น การตั้งค่าพื้นฐานของกล้อง การปรับค่าควบคุมแสง ขนาดของภาพ มุมกล้อง และการจัดองค์ประกอบภาพ

เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีความสวยงาม ต้องศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพและวิดีโอเบื้องต้น เพื่อเป็นการปูพื้นฐานของการถ่ายภาพ จึงต้องทำความรู้จักกับการตั้งค่าพื้นฐานของกล้อง ที่จะช่วยให้ถ่ายภาพได้สวยงามขึ้น ได้แก่

1.  การปรับค่าควบคุมแสง 3 ค่า คือ ค่า F-stop, ISO และสปีดชัตเตอร์  

2.  การบันทึกภาพต่อวินาที หรือ Framerate

3.  การปรับความสมดุลแสงสีขาว หรือ White Balance

การปรับค่าควบคุมแสง ค่าแรก คือ ค่ารูรับแสง โดยทั่วไปมักจะเรียกค่ารูรับแสงสั้น ๆ ว่าค่า F เป็นการปรับขนาดรูรับแสงที่ยอมให้แสงผ่าน เข้าไปตกกระทบบนเซนเซอร์ การปรับค่า F แปรผกผันกับการรับแสง กล่าวคือ ค่ารูรับแสงน้อยเซนเซอร์จะรับแสงได้มาก ภาพที่ถ่ายออกมาจะสว่าง ในขณะที่ค่ารูรับแสงมากเซนเซอร์จะรับแสงได้น้อย ภาพที่ถ่ายออกมาจะมืด

ค่าที่ 2 คือ สปีดชัตเตอร์ หรือค่าความไวของชัตเตอร์หรือม่านที่ทำหน้าที่เปิด-ปิดการรับแสงที่ผ่านมาจากเลนส์ชัตเตอร์ หรือแผ่นทึบแสงเป็นส่วนประกอบชิ้นหนึ่งของกล้อง ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าเซนเซอร์ภาพทำหน้าที่หลักในการควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านจากเลนส์ไปยังเซนเซอร์ เพื่อให้ภาพอยู่ในระดับที่พอดีเพื่อให้ภาพได้รับแสงที่ถูกต้องภาพที่ได้จะไม่สว่าง หรือมืดเกินไป สปีดชัตเตอร์ที่มีค่ามาก ภาพที่ได้จะมืด สปีดชัตเตอร์ที่มีค่าน้อย ภาพที่ได้จากสว่าง หากชัตเตอร์ไว จะหยุดการเคลื่อนไหว ภาพจะชัด หากชัตเตอร์ช้า ภาพจะเบลอ

ค่าที่ 3 คือ ISO หรือค่าความไวแสงของกล้อง ซึ่งการปรับค่า ISO ช่วยให้ภาพถ่ายที่ได้มีความสว่างมากขึ้น หรือลดลงในปริมาณแสงของสภาพแวดล้อมที่เท่าเดิม กล่าวคือ ค่า ISO ที่มีค่ามาก จะทำให้ภาพสว่างมากขึ้น และ ISO ที่มีค่าน้อย จะทำให้ภาพสว่างลดลง

Framerate คือ ค่าการบันทึกภาพต่อวินาที หรืออัตราความต่อเนื่องของเฟรมภาพใน 1 วินาที ซึ่งเกี่ยวข้องกับการถ่ายวิดีโอ เป็นการกำหนดให้วิดีโอ 1 วินาที เกิดภาพที่ต่อเนื่องได้กี่ภาพ การปรับค่า Framerate จะส่งผลให้วิดีโอมีความลื่นไหล ความละเอียด และความสวยงามมากยิ่งขึ้น กล้องส่วนใหญ่จะมี Framerate ตั้งแต่ 24 fps ถึง 240 fps โดย FPS ย่อมาจากเฟรม Frame per Second

การปรับค่าสมดุลแสงสีขาว หรือ White Balance  มีหน่วยเป็นเคลวิน (Kelvin) หรือใช้ตัวย่อว่า K เป็นระบบที่มีในกล้องดิจิทัล DSLR Mirrorless หรือกล้อง Smartphone เป็นค่าที่ช่วยปรับแสงของภาพไม่ให้เกิดความผิดเพี้ยน ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับสมดุลแสงสีขาว อันเนื่องจากแสงในธรรมชาติ

Shot Size หรือขนาดภาพ

เนื่องจากในงานวิดีโอจะประกอบไปด้วยภาพหลาย ๆ ภาพ เพราะฉะนั้นการมี Shot Size หรือขนาดภาพหลาย ๆ ขนาดภาพ จะถูกนำไปใช้ในกระบวนการตัดต่อ หลังจากการถ่ายวิดีโอกลับมาแล้ว Shot Size หรือ ขนาดภาพ คือ การกำหนดตำแหน่งของสิ่งที่ต้องการถ่าย เช่น บุคคล สัตว์ สิ่งของ และใช้วิธีการเคลื่อนที่กล้อง หรือการเลือกใช้เลนส์ เพื่อให้ได้ภาพตามระยะที่ต้องการ  ไม่ว่าจะเป็นระยะใกล้ หรือระยะไกล ภาพที่ได้สามารถสื่อสาร สร้างความสนใจ ด้วยความหมาย และอารมณ์ที่แตกต่างกัน

ขนาดภาพที่นิยมใช้โดยทั่วไป มี 7 ขนาดด้วยกัน คือ

1. ขนาดภาพระยะไกลมาก Extreme Long Shot หรือ ELS เป็นการถ่ายภาพที่เน้นบรรยากาศ หรือภาพพื้นหลัง นิยมใช้ในฉากเปิดเพื่อบอกเวลาหรือสถานที่ที่เกิดเรื่องราวนั้น ๆ

2. ขนาดภาพระยะไกล Long Shot หรือ LS คือ ขนาดภาพที่มักใช้ต่อจาก Extreme Long Shot ขนาดภาพนี้จะเห็นสิ่งที่ต้องการถ่ายให้ใกล้มากขึ้น รวมถึงบรรยากาศของฉากหลัง หรือพื้นหลังด้วย บางครั้งเรียกภาพถ่ายลักษณะนี้ว่า ภาพกว้าง หรือ Wide Shot การถ่ายภาพบุคคลจะถ่ายให้ครบทุกส่วนของร่างกาย จะเห็นท่าทาง การเคลื่อนไหว แต่ยังคงมีบรรยากาศรอบ ๆ อยู่

3. ขนาดภาพระยะไกลปานกลางหรือ Medium Long Shot ใช้คำย่อว่า MLS คือ ขนาดภาพที่ใกล้กว่า Long Shot สามารถมองเห็นตั้งแต่หัวไปจนถึงหัวเข่าหรือที่เรียกว่า Knee Shot และบางภาพจะมองเห็นไปจนถึงขาแต่ไม่ถึงเท้า ข้อควรระวังในการถ่าย Medium Long Shot คือ ต้องถ่ายโดยไม่ให้ขอบของภาพไปตัดตรงข้อเข่า ไม่เช่นนั้นภาพที่ได้จะทำให้เกิดความรู้สึกขาดหายไม่สมบูรณ์

4. ขนาดภาพระยะปานกลางหรือ Medium Shot ใช้คำย่อว่า MS คือ การถ่ายภาพที่มีขอบเขตตั้งแต่หัวไปจนถึงเอว หรือการถ่ายภาพครึ่งตัว จะเห็นได้ว่าเป็นภาพที่ใกล้กว่าภาพขนาด Medium Long Shot ขนาดภาพนี้มักถูกนำไปใช้ในกรณีที่นักข่าวกำลังรายงานข่าว หรือขณะที่พิธีกรกำลังพูด จะทำให้เห็นสีหน้า ท่าทางต่าง ๆ ของนักข่าวและพิธีกรที่กำลังพูด หรือสื่อสาร

5. ขนาดภาพระยะใกล้ปานกลาง หรือ Medium Close-up Shot ใช้คำย่อว่า MCU คือ ภาพถ่ายที่มีครอบเขตตั้งแต่หัวไปจนถึงช่วงไหล่ นิยมใช้ในกรณีที่นักข่าวรายงานข่าว เช่นเดียวกับภาพ Medium Shot อีกทั้งยังใช้ในการถ่ายผู้ถูกสัมภาษณ์ นอกจากนี้ยังเป็นภาพที่ใช้ในฉาก ที่ต้องการแสดงออกทางสีหน้า อารมณ์ และที่สำคัญควรเหลือขอบบนของภาพ กับหัวของบุคคลให้เหมาะสม หรือที่เรียกว่า Head Room  ข้อควรระวังในการถ่าย คือ ต้องถ่ายโดยไม่ให้ขอบของภาพตัดตรงข้อแขน ไม่เช่นนั้นภาพที่ได้จะไม่สมบูรณ์

6. ขนาดภาพระยะใกล้ หรือ Close-up Shot ใช้คำย่อว่า CU คือ ภาพถ่ายระยะใกล้ตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงคาง หรือคอ เพื่อสื่อสารถึงสีหน้า ความรู้สึก อารมณ์ เช่น ดีใจ เสียใจ โกรธ หากเป็นการถ่ายภาพสิ่งของ ภาพนั้นจะเล่าถึงรายละเอียดสิ่งของที่ต้องการนำเสนอ บางครั้งขนาดภาพลักษณะนี้จะนำไปใช้เป็นฉากเปิด

7. ขนาดภาพระยะใกล้มาก หรือ Extreme Close-up Shot ใช้คำย่อว่า ECU คือ ขนาดภาพที่ถ่ายในระยะใกล้ และแคบมาก ๆ มักจะใช้ประกอบการเล่ารายละเอียดถึงสิ่งที่ต้องนำเสนอ เช่น การถ่ายภาพบุคคลเพื่อแสดงถึงอารมณ์ ความรู้สึกจะเน้นไปที่ดวงตา หรือปาก หรือการถ่ายภาพประกอบการเล่าเรื่องในลักษณะอื่น ๆ

มุมกล้อง หรือ Camera Angle

มุมกล้อง หรือ Camera Angle เป็นการจัดมุมมองของภาพ โดยใช้ตำแหน่งของกล้อง และมุมกล้องเป็นองค์ประกอบหลักในการจัด ซึ่งในการถ่ายภาพวิดีโอโดยทั่วไป ตำแหน่งกล้อง หมายถึง ความสูงของกล้องเมื่อเทียบกับพื้น ตำแหน่งในการตั้งกล้อง ไม่ได้วางไว้แค่เฉพาะด้านหน้าของสิ่งที่ต้องการถ่ายเท่านั้น แต่จะมีการวางกล้องในตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้มุมกล้องในแบบที่ต้องการ ส่วนมุมกล้องที่เกิดจากการวางทิศทาง ของตำแหน่งของกล้อง กับวัตถุหน้ากล้อง เพื่อให้มองเห็นภาพในระดับองศาที่แตกต่างกัน การใช้มุมกล้อง ต้องให้สอดคล้องกับการเล่าเรื่อง โดยจะแบ่งออกเป็น 5 มุม ดังนี้

มุมกล้องที่ 1 เรียกว่า มุมกล้องระดับสูง หรือ High Angle Shot เป็นมุมมองจากสายตา ที่มองลงมายังสิ่งที่ต้องการถ่าย หรือถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ มุมกดนั่นเอง มุมกล้องนี้ มักจะให้ความรู้สึก ด้อยค่า ดูถูก ไร้พลังอำนาจ หรือสิ้นหวัง

มุมกล้องที่ 2 เรียกว่ามุมกล้องระดับสายตา หรือ Eye Level Shot เป็นมุมมองที่อยู่ในระดับเดียวกัน มีระดับความสูง หรือต่ำเท่า ๆ กัน กับสิ่งที่ต้องการถ่ายภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดมุมมองที่มีความรู้สึกมีความเสมอภาคเป็นกันเอง ไม่เหนือหรือด้อยกว่ากัน เป็นมุมมองที่นิยมใช้มากที่สุดเลยก็ว่าได้

มุมกล้องที่ 3 เรียกว่ามุมกล้องในระดับต่ำ หรือ Low Angle Shot ซึ่งจุดเด่นของมุมกล้องนี้คือการให้ความรู้สึก ที่กำลังสื่อนั้นดูยิ่งใหญ่มีพลังและทรงอำนาจ

มุมที่ 4 เรียกว่ามุมสายตานก หรือ Bird Eyes View มุมนี้เป็นมุมที่มองลงมาจากที่สูงมาก ๆ แทนสายตานกที่อยู่บนท้องฟ้า เป็นมุมที่ไม่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมุมนี้ต่างจาก High Angle Shot เพราะมันเป็นมุมที่สูงเกินสายตามนุษย์ที่กำลังก้มมอง หรือบางทีก็เรียกกันว่า Helicopter Shot หรือ Airplane Shot

มุมที่ 5 เรียกว่ามุมหนอนมอง หรือ Worm Eyes View มุมกล้องนี้ เป็นมุมกล้องที่ต่ำมาก ๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับมุม Bird’s Eye View ถือว่าเป็นมุมมองที่อยู่นอกเหนือจากชีวิตประจำวันอีกมุมหนึ่ง ลักษณะของมุมนี้จะเหมือนหนอนที่กำลังมองดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา

การจัดองค์ประกอบภาพ

การจัดองค์ประกอบภาพ หมายถึง การนำลักษณะทางด้านศิลปะเข้ามาอยู่ในภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสมดุล เส้นนำสายตา หรืออะไรก็แล้วแต่ จะถูกนำมาใช้แสดงในเรื่องของศิลปะ

การจัดองค์ประกอบภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะทำให้ภาพที่ได้มีคุณค่ามากขึ้น การจัดองค์ประกอบภาพเป็นพื้นฐานหนึ่ง ที่จะทำให้ภาพมีคุณค่าน่าสนใจ การวางองค์ประกอบภาพต้องรู้จักกฎ 3 ส่วน หรือจุดตัด 9 ช่อง ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สำคัญที่ช่างภาพนิยมใช้ มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการวางตำแหน่ง ของสิ่งของ วัตถุ สถานที่ ที่เป็นจุดสนใจหลักของภาพ

คำว่า 3 ส่วน หมายถึง การแบ่งพื้นที่ของภาพที่มองเห็น ออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน ทั้งในแนวนอนและในแนวตั้ง โดยใช้เส้นตรงแนวนอน 2 เส้น และเส้นตรงในแนวตั้งอีก 2 เส้น

การจัดองค์ประกอบของภาพให้ดูดี อย่างแรก คือ การวางตำแหน่งจุดสนใจของภาพ และในการแบ่งด้านกว้าง และด้านยาวออกเป็นด้านละ 3 ส่วนแล้ว จะทำให้ภาพถูกแบ่งออกมาได้ 9 ช่อง ณ จุดที่เส้นแบ่งตัดกันจะมีอยู่ด้วยกัน 4 จุด จุดใดจุดหนึ่งของจุดทั้ง 4 ถือเป็นตำแหน่งสำคัญสำหรับวางภาพ ซึ่งจะทำให้ภาพมีคุณค่าขึ้น

ที่มาภาพ : https://www.freepik.com

Thai Mooc วิชา เทคนิคการถ่ายภาพแบบสื่อสาธารณะ

Visits: 5123

Comments

comments

Back To Top