กู้ชีพกู้ใจ…ใครๆ ก็ทำได้

cpr aed

การทำ CPR วิธีปฐมพยาบาลที่เพิ่มโอกาสรอดชีวิต

CPR หรือ Cardiopulmonary resuscitation เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังจะหยุดหายใจ หรือหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ให้กลับมาหายใจ หรือลมหายใจไหลเวียนได้ตามปกติ

ความสำคัญของการทำ CPR ตอนนี้อยู่ที่การปั๊มหัวใจ ที่ต้องทำให้ถูกต้อง และทันเวลา เพราะหากสมองขาดออกซิเจนไปเกิน 4 นาที สมองอาจเสียหายได้

  • เมื่อไรถึงควรทำ CPR?

เราสามารถเข้าไปทำ CPR ให้กับผู้ป่วยที่หมดสติ ลมหายใจอ่อนหรือหยุดหายใจ หัวใจใกล้หยุดเต้น หรือหยุดเต้นไปแล้ว เช่น จมน้ำ หัวใจวาย สำลักควันไฟจากที่ที่เกิดไฟไหม้ อุบัติเหตุต่างๆ

  • วิธีทำ CPR ที่ถูกต้อง
  1. ตรวจดูความปลอดภัยบริเวณรอบๆ ตัวผู้ป่วย เช่น มีของแหลมคม มีกระแสไฟฟ้า มีน้ำมัน มีไฟ หรือสิ่งอันตรายอื่นๆ หรือไม่ ถ้าดูไม่ปลอดภัย อย่าเพิ่งเข้าไป เรียกกู้ภัยมาช่วยเหลือดีกว่า
  1. หากสถานที่รอบๆ ผู้ป่วยปลอดภัยดี ให้เข้าไปหาผู้ป่วยทำการยืนยันว่าผู้ป่วยหมดสติจริง โดยการตีที่ไหล่แล้วเรียกด้วยเสียงดัง 4-5 ครั้ง หากผู้ป่วยยังรู้สึกตัวอยู่ หายใจเองได้ ให้จับนอนตะแคง รอการช่วยเหลือ โทร 1669 ไม่ควรทำ CPR ขณะที่ผู้ป่วยยังมีสติ
  1. หากไม่ได้สติ ไม่ลืมตาจริงๆ และหยุดหายใจ ให้รีบโทรหา 1669 เช่นกัน แจ้งทีมงานว่าผู้ป่วยไม่ได้สติ หยุดหายใจ ให้นำเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED มาด้วย
  1. เริ่มทำการกดหน้าอก โดยจับผู้ป่วยนอนหงาย นั่งคุกเข่าข้างผู้ป่วย วางสันมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก (ตำแหน่งตรงกลางระหว่างหน้าอก ระดับเดียวกับหัวนมพอดี) และวางมืออีกข้างทับประสานกันไว้ เริ่มการกดหน้าอกด้วยความลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที สามารถปั๊มหัวใจตามจังหวะเพลง “สุขกันเถอะเรา” ของสุนทราภรณ์, “Staying Alive” ของ Bee Gees หรือ “Imperial March” เพลงธีมของ Darth Vader ในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ได้
  1. ควรทำ CPR ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทีมแพทย์ หรือหน่วยกู้ภัยจะมา หากคุณไม่เคยเข้ารับการฝึกทำ CPR มาก่อน ให้กดหน้าอกเพียงอย่างเดียวไปเรื่อยๆ หากคุณเคยทำ CPR แล้ว อาจกดหน้าอกสลับกับการเป่าปากช่วยหายใจได้ โดยกดหน้าอก 30 ครั้ง สลับมาเป่าปากช่วยหายใจ 2 ครั้ง
  1. ในกรณีที่มีคนอยู่ด้วยหลายคน สามารถสลับให้คนอื่นมาช่วยปั๊มหัวใจแทนได้
  • เมื่อไรควรหยุดทำ CPR?

ควรทำ CPR ไปเรื่อยๆ จนกว่าทีมกู้ภัย หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จะมา แล้วเข้าช่วยเหลือด้วยเครื่อง AED อีกครั้ง ก่อนนำส่งโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการทำ CPR เราควรเรียกคนมาช่วย รีบโทร. 1669 / 1745 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่เร็วที่สุด หากสามารถนำส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเองได้ ก็สามารถทำ CPR ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลได้เช่นกัน

ช่วยชีวิตฉุกเฉิน กับเครื่อง AED เพราะทุกนาทีมีค่า

สถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การให้ความช่วยเหลือต่อผู้ประสบสถานการณ์ฉุกเฉิน ถือเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์  ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นความสำคัญของการช่วยชีวิตฉุกเฉิน และติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ (Automated External Defibrillator : AED) ตามพื้นที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ สนามบิน แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม ส่วนราชการ รถไฟฟ้าใต้ดิน ฯลฯ เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสีย และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วย

และเพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จึงได้จัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในการแจ้งเหตุเพื่อขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1669 การช่วยกู้ชีพขั้นพื้นฐาน รวมถึงการใช้เครื่อง AED ระหว่างที่ทีมกู้ชีพ หรือรถพยาบาลยังเดินทางไปไม่ถึง โดยมีขั้นตอนและวิธีดังนี้

  1. เมื่อพบคนหมดสติควรตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเข้าช่วยเหลือเสมอ
  2. ปลุกเรียกด้วยเสียงดัง และตบไหล่ทั้งสองข้าง พร้อมจัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบบนพื้นแข็ง
  3. เรียกขอความช่วยเหลือ หรือโทรแจ้ง 1669 พร้อมนำเครื่อง AED มาเตรียมไว้ (กรณีที่มีเครื่อง)
  4. ประเมินผู้หมดสติ หากไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก ให้กดหน้าอกทันที
  5. เริ่มทำการช่วยคืนชีพขั้นพื้นฐาน CPR (Cardiopulmonary Resuscitation)
  • จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงาย โดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างของผู้ป่วย
  • วางสันมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก
  • วางมืออีกข้างหนึ่งทับประสานกันไว้ แขนสองข้างเหยียดตรง แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ป่วย
  • เริ่มกดหน้าอก CPR ด้วยความลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร ในอัตราความเร็ว 100-120 ครั้ง/นาที
  • ถ้ามีหน้ากากเป่าปาก ให้เป่า 2 ครั้ง สลับกับการกดหน้าอก 30 ครั้ง
  • ถ้าไม่มี หรือ ไม่เคยฝึกเป่าปาก ให้ทำการกดหน้าอกอย่างเดียว ต่อเนื่องกัน
  • กดหน้าอกและเป่าปากอย่างต่อเนื่องจนกว่าทีมกู้ชีพจะมาถึง

Visits: 18

Comments

comments

Back To Top