พัฒนาการของคอมพิวเตอร์

            นับแต่ปี พ.ศ. 2489  เป็นต้นมา  เครื่องคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาก้าวหน้ามาโดยลำดับ ทั้งทางแนวความคิดด้านอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์  และโปรแกรมคำสั่งหรือซอฟต์แวร์จนมาถึงปัจจุบัน  และสำหรับอนาคต  เราสามารถแบ่งการพัฒนาคอมพิวเตอร์เป็นยุคต่าง ๆ  ได้ดังนี้

1.  ยุคแรก  (พ.ศ. 2487 – 2498)  เป็นช่วงที่ผู้สร้างคอมพิวเตอร์กำลังพัฒนาความคิดและทฤษฎีต่าง ๆ  ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ยังเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น  และอยู่ในวงแคบ           ทั้งด้านการออกแบบวงจรคำนวณและการใช้คำสั่ง  คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุญญากาศเป็นหน่วยพื้นฐานของวงจร  หน่วยความจำเป็นรีเลย์หรือเป็นหลอดไฟฟ้าสถิต  ซึ่งทำงานช้าและเสียหายง่าย  ภาษาที่ใช้สำหรับสั่งงานเป็นภาษาระดับต่ำหรือใช้สายไฟฟ้าสำหรับเสียบเพื่อสั่งงาน  เครื่องในยุคนี้  ได้แก่  เครื่อง ENIAC

2.  ยุคที่สอง  (พ.ศ. 2499 – 2508)  คอมพิวเตอร์ในยุคนี้นำทรานซิสเตอร์มาใช้แทนหลอดสุญญากาศส่งผลให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ดีขึ้น  กินไฟน้อย  ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงและใช้พื้นที่ไม่มากนัก  มีการใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำ  มีการเพิ่มอุปกรณ์การรับ – ส่งข้อมูลและการแสดงผลลัพธ์ออกไปในหลายอุปกรณ์  เช่น  การใช้จานแม่เหล็ก  การใช้บัตรเจาะรู  การใช้จอภาพและแป้นพิมพ์  การใช้เครื่องพิมพ์  เป็นต้น  คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นใช้ภาษาระดังสูง  เช่น  ฟอร์แทน  โคบอล  อัลกอล  ซึ่งภาษาเหล่านี้มีลักษณะเป็นสมการ  สูตรคณิตศาสตร์  หรือประโยคคำสั่งคล้ายภาษาเขียน  แทนการใช้ภาษาเครื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน

3.  ยุคที่สาม  (พ.ศ. 2509 – 2518)  คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้วงจรรวม  (Integrated  Circuit)  แทนการใช้ทรานซิสเตอร์แบบเดิม  มีการใช้ชุดคำสั่งและระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์หลาย ๆ รุ่น  และหลาย ๆ  ขนาด  โดยสามารถเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์หลาย ๆ  เครื่องเข้าเป็นระบบช่วยงาน  นอกจากั้นยังเกิดวิธีการใหม่ในการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ที่เรียกว่าการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างอีกด้วย

4.  ยุคที่สี่  (พ.ศ. 2519 – 2532)  คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หน่วยประมวลผลขนาดใหญ่ (Very  Large  Scale  Integration)  การเปลี่ยนหน่วยความจำจากวงแหวนแม่เหล็กมาเป็นหน่วยความจำจากสารกึ่งตัวนำ  ที่เรียกว่า  RAM  (Random  Access  Memory)  ซึ่งผลิตได้ง่ายและทำงานได้เร็วขึ้นกว่าวงแหวนแม่เหล็ก  อุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ  ถูกปรับปรุงให้มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น  คอมพิวเตอร์ถูกปรับปรุงให้ทำงานได้เร็วขึ้น  เช่น  ซูเปอร์คอมพิวเตอร์  จอภาพมีหลายแบบ  และมีความละเอียดมากขึ้น  สื่อบันทึกข้อมูลมีมากแบบและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทั่งด้านความจุและความเร็วในการบันทึกข้อมูล  ในยุคนี้มีการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กในราคาที่ถูกลง  ซึ่งมักเรียกว่า  คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล  (Personal  Computer)  ส่งผลให้มีการใช้คอมพิวเตอร์แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนโดยทั่วไป  ความก้าวหน้าด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ได้เพิ่มพูนเป็นทวีคูณทั้งด้านซอฟต์แวร์  ฮาร์ดแวร์  และระบบเครือข่ายเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์  โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่กำลังแพร่ขยายครอบคลุมไปทั่วโลก

5.  ยุคที่ห้า  (พ.ศ. 2533 – ปัจจุบัน) ในยุคนี้ได้มุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์  และความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างชัดเจน  มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขนาดเล็ก  (Portable  Computer)  ขึ้นใช้งานในยุคนี้  โครงการพัฒนาอุปกรณ์  VLSI  ให้ใช้งานง่าย  และมีความสามารถสูงขึ้น  รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์  (Artificial  Intelligence  :  AI)  เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้  โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล

การพัฒนาคอมพิวเตอร์ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ มีกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มกำลังพยายามพัฒนาอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ให้ก้าวล้ำนำหน้ากว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น ต้องการให้คอมพิวเตอร์รู้จักภาษามนุษย์ มีความสามารถในการคิดหาเหตุผล เป็นต้น ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่บรรลุจุดหมายในปัจจุบัน แต่การค้นคว้าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้นักวิจัยเข้าใจกระบวนการของการใช้ภาษาธรรมชาติมากขึ้น เข้าใจการคิดเหตุผลดีขึ้น และเข้าใจวิทยาการที่เกี่ยวข้องในด้านอื่น ๆ เพิ่มพูนขึ้น ซึ่งความเข้าใจเหล่านี้จะนำไปสู่การคิดสร้างคอมพิวเตอร์ในยุคที่ห้าได้ในที่สุด

Visits: 3630

Comments

comments