ป่ากรุงชิง นอกจากจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และชมความสวยงามของน้ำตกกรุงชิง ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาหลวงแล้ว ยังเป็นผืนป่าที่เป็นป่าดงดิบชื้นและดงดิบเขา มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์อยู่ในตัวมาก มีความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์หลายชนิด มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ดังนั้นในผืนป่าแห่งนี้จึงอุดมไปด้วยพืชและสัตว์มากมาย เพียงแต่วันไหนโชคดี เราอาจจะได้พบสัตว์หายาก หรือพืชกำลังออกดอกเบ่งบานอยู่ก็ได้
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ เขาหลวงป่ากรุงชิงอยู่ในหมู่ที่ 5 ตําบลกรุงชิง อําเภอนบพิตํา จังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากตัวอําเภอท่าศาลา ประมาณ 50 กิโลเมตร ไปตามถนนสายท่าศาลา-นบพิตํา แล้วแยกไปตามทางหลวงจังหวัดสาย 4188 ห้วยพาน- กรุงชิง หรือห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กิโลเมตร ตามทางหลวงจังหวัดสาย 4016 นครศรีธรรมราช-พรหมคีรี โรงเหล็ก แล้วแยกไปตามทางหลวงจังหวัดสาย 4188 ห้วยพาน-กรุงชิง
นอกจากนั้นทําเลที่ตั้งกรุงชิง เป็นพื้นที่ราบสูงขนาดใหญ่ มีภูเขาล้อมรอบเหมาะแก่การสร้างเมืองสมัยโบราณ ซึ่งยากแก่การบุกรุกโจมตีของข้าศึก และในบริเวณป่ากรุงชิงมีพืชพันธุ์ จําพวกผลไม้จํานวนมาก ซึ่งมีขนาดใหญ่ มีอายุเก่าแก่หลายชนิด สภาพปัจจุบันของกรุงชิงเป็นพื้นที่ราบสูงมีภูเขาล้อมรอบ ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “อ่าวกรุงชิง” มีเนื้อที่ประมาณเกือบแสนไร่ ภูเขาที่ล้อมรอบกรุงชิงมีดังนี้
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เขาสอยดาวหรือเขาฝาชี เป็นเขาที่ยอดแหลมคล้ายฝาชี และเป็นเขาที่สูงสุดในหมู่เขากรุงชิง จากเขาสอยดาวไปทางทิศเหนือสันเขาสอยดาวจึงปิดตลอดจนถึงคลองกรุงชิง ซึ่งเป็นเขากั้นทางทิศตะวันออก ชาวบ้านบางคนเรียกเขาโปะ จากเขาสอยดาวไปทิศตะวันตก คือด้านทิศใต้ มีสันเขาสอยดาวไปต่อกับเขายอดเหลือง แล้วไปเขาเปรียะ ต่อไปถึงเขาไม้ไผ่ ติดต่อกันไปถึงเขาโมรงในกลุ่มเขาหลวง แล้วเลี้ยวอ้อมไปทิศเหนือ เขานี้กั้นไว้ทางตะวันตก แล้วเลี้ยวลงทางตะวันออก ค่อยๆ ต่ำลงไปจนถึงบ้านปากลง ต.นบพิตำ แล้วมีกลุ่มภูเขาไฟ เขาเคี่ยม เขายายร่ม และเขาอื่น ๆ ต่อ ๆ กันไปปิดไว้ทางทิศเหนือ
ดินและหินจะมีลักษณะเดียวกันกับสภาพของดินและหินบนเทือกเขาหลวง กล่าวคือสภาพของดินและหินเกิดจากการผุกร่อนของหินแกรนิตเป็นส่วนใหญ่ มีบางแห่งที่เป็นภูเขาหินปูน ส่วนตามเชิงเขาเป็นดินลูกรังและดินทราย แร่สําคัญคือดีบุก วุลแฟรม และแร่เหล็ก
ก่อนมหาวาตภัย วันที่ 24-25 ตุลาคม 2505 มีสภาพธรรมชาติสวยงามพร้อม อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้เนื้อแข็งซึ่งมีราคา ไม้ผลที่เป็นอาหารและไม้เบญจพรรณ ทั้งไม้กอ ไม้เถา บุก บอน เผือก มัน กับผักนานาชนิด ดินดี น้ำดี อากาศดี พืชพันธุ์งอกงาม สูงใหญ่ร่มรื่นตลอดปี ซึ่งหาที่ใดเสมอเหมือนได้ยาก หากได้ปรับปรุงเป็นวนอุทยานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนจะดีที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งจะได้สงวนธรรมชาติ รวมทั้งไม้และพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ อีกด้วย
สภาพของป่ากรุงชิงแม้จะถูกทําลายไปบ้าง แต่ป่ากรุงชิงก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมีความสําคัญสําหรับการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการมากมายหลายชนิด เช่น หลุมพอ ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน จําปา ยางชนิดต่าง ๆ นากบุค ยมหอม ร้าน พะยอม ขนุนป่าน อบเชย ส่วนไม้พื้นล่าง ได้แก่ ไม้จําพวกเฟิน ไม้ในตระกูลขิงข่า เถาวัลย์ชนิดต่าง ๆ หวาย ปาล์ม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้ชนิดมีพิษ ซึ่งพบตามริมห้วยหรือบริเวณที่มีความชื้นมาก เช่น ลังตังช้าง และสามแก้ว
พืชที่ใช้เป็นอาหารได้ทั้งที่สงสัยว่ามีคนปลูกไว้และขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น พวกมังคุด ทุเรียน ลางสาด มะม่วง มะปริง มะไฟ สะตอ เหรียง เนียง นาง ประ ระกํา และยังมีพืช ประเภทผัก เช่น ผักกูด ผักแว่น บุก บอน เผือก มัน ซึ่งพบทั่วไปตามฝั่งน้ำในบริเวณป่ากรุงชิง
สัตว์ป่า กล่าวได้ว่าในบริเวณเทือกเขาหลวงป่ากรุงชิงเป็นเขตที่มีสัตว์ป่าชุกชุมที่สุด ได้แก่ สมเสร็จ หมี เสือโคร่ง เสื้อลายตลับ โครํา หมูป่า กวาง อีเก้ง ชะมด เช่น งูจงอาง นกชนิดต่าง ๆ เช่น นกยูง นกกาเขาหรือ นกเงือกดํา นกกางเขนยาง และไก่ฟ้า นอกจากนี้ยังมีเต่า ตะพาบน้ํา และกบตัวโต ๆ ปลาน้ําจืดชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาแงะ ปลาหวด ปลากระสา ปลาสูบ ปลาเมียง ปลาปก ปลาหนู ปลาขี้ขม ปลาอีกว่า ปลาส่องไม้ตับ ปลากริม ปลากะหง ปลาทูกังเขา ปลาเลียหิน เป็นต้น
กรุงชิง มีลักษณะภูมิอากาศแบบเดียวกับภูมิอากาศของเทือกเขาหลวง เนื่องจากเป็นเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยป่าดงดิบชื้นและอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยอันมีลักษณะเป็นคาบสมุทร ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมที่พัดผ่านทะเลทั้งสองด้านทําให้มีฝนตกเกือบตลอดปี อากาศเย็นกว่าพื้นที่ราบใกล้เคียงมีฝนตก ชุกเกือบตลอดทั้งปี
จากป่าในอดีต ปัจจุบันกรุงชิงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง และป่าเขาหลวง ที่ประกอบด้วยเทือกเขาสูงมีภูเขาหลายลูกสลับซับซ้อน ทิวทัศน์สวยงามเหมาะสําหรับการพักผ่อนหย่อนใจ เป็นแหล่งต้นน้ําลําธารหลายสายที่ไหลผ่านตัวจังหวัดนครศรีธรรมราช และยังเป็นต้นน้ำส่วนหนึ่งของแม่น้ำตาปีซึ่งเปรียบเสมือนเส้นชีวิตหล่อเลี้ยงประชากรส่วนใหญ่แถบนี้ และมีน้ำตกสวยงามและมีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น น้ำตกพรหมโลก น้ำตก กระโรม น้ำตกกรุงชิง และกรุงชิงก็ยังเป็นแหล่งเดินป่าศึกษาธรรมชาติอีกแห่งที่เป็นนิยมของนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ในวันนี้เมื่อเราเดินป่าศึกษาธรรมชาติของ ป่ากรุงชิง เราจะพาทุกคนไปสำรวจพรรณไม้ พืช สัตว์ป่า หรือสัตว์เล็ก ๆ ที่่มีอยู่ในป่ากรุงชิงแห่งนี้
เริ่มจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกกรุงชิง ที่มีการปลูกพืชไว้หลายชนิด และหลายคนอาจจะตามหาพืชที่เป็นพืชเฉพาะถิ่นของกรุงชิง ด้านหลังที่ทำการฯ มีต้นชิงต้นเก่าแก่อยู่ด้วย แถมด้วยพรรณไม้เล็ก ๆ อีกหลายชนิดที่ปลูกไว้บริเวณที่ทำการอุทยานฯ
พืชพรรณพื้นถิ่น ป่ากรุงชิง
ต้นชิง -- ไม้หมายถิ่น
ข้อสันนิษฐานหนึ่งของชื่อ “กรุงชิง” คือ พื้นที่นี้เคยมีต้นชิงเป็นจำนวนมาก ภูมินามของแต่ละท้องถิ่น สะท้อนประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์อันโดดเด่นของแต่ละพื้นที่ เช่นเดียวกับ “ศาลาดงชิง” ในเส้นทางแห่งนี้ ที่นักท่องเที่ยวเคยใช้พักพิงเป็นร่องรอยของความเนืองแน่นของพืชตระกูลปาล์มอย่างต้นชิง ซึ่งปัจจุบันพบเห็นไม่มากนักในป่าผืนนี้
มักอาศัยอยู่ใต้ร่มเงาที่มีแสงแดดน้อย มีความสวยงามด้วยเรือนยอด และใบแฉกวงกลมขนาดใหญ่ จึงมีช่องว่างให้ลมและฝนปริมาณมากไหลผ่านได้ดี ในอดีต ชาวบ้านนำยอดชิงมาประกอบอาหาร ใช้ใบเป็นร่มหรือภาชนะใส่อาหาร จึงเป็นนิเวศวัฒนธรรมที่ควรแก่การอนุรักษ์ หวงแหน เพื่อรักษาคุณค่าและบ่งบอกความหมายของ “กรุงชิง”
ไม้ตระกูลปาล์ม
ชก -- ไม้โบราณและหายาก
ถือเป็นผลไม้โบราณและหายาก ใช้เวลานานมาก กว่าจะออกลูก เพราะเริ่มปลูกจากเมล็ด ก็ใช้เวลา 1 ปีถึงจะมีรากงอก กว่าจะโตใช้เวลา 20-40 ปี ถึงจะออกดอกให้ผล และกว่าจะสุกงอมจนรับประทานได้ก็ต้องอีก 7 ปี
ต้นชก เป็นพืชยืนต้นคล้ายต้นปาล์ม เจริญเติบโตตามแนวภูเขาหิน มีลำต้นตรง เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่กว่าต้นตาล สูงประมาณ 20-25 เมตร ใบยาวประมาณ 3 เมตร คล้ายใบมะพร้าวแต่ใหญ่และแข็งแรงกว่า ก้านใบและทางใบเหยียดตรงกว่าทางมะพร้าว มีรกสีดำตามกาบใบหนาแน่น ต้นชก กว่าจะให้ผลผลิต ต้องเป็นต้นเพศเมียเท่านั้น และต้องมีอายุอย่างน้อย 25 ปีขึ้นไปถึงจะพร้อมให้ผลผลิต อายุต่ำกว่านี้จะไม่ออกดอก ต้นชกตัวเมียปีหนึ่งจะให้ดอกออกผล 1 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม ส่วนต้นตัวผู้จะมีแต่ดอกไม่มีผล การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่เชิงเขาหรือเนินเขาในป่าเขตร้อนชื้น
ลักษณะของลูกชก ทางภาคใต้ คือผลไม่ที่มีลักษณะคล้ายผลตาลหรือมะพร้าวขนาดเล็ก ในหนึงผลมีเมล็ด 3 เมล็ด และมีการเรียกแตกต่างกันไปตามภูมิภาค บ้างก็รู้จักกันในนาม “ลูกกินแม่” เนื่องจากเป็นพืชที่ออกลูกครั้งเดียว และจะตายลงในเวลา 4-5 ปีหลังให้ผลผลิต แต่สามารถปลูกทดแทนได้ (ลูกชก ผลไม้โบราณ นานกว่าจะออกลูก, ม.ป.ป.)
เห็ดถ้วยแชมเปญ -- สีสันแห่งฤดูฝน
หรือกันสั้น ๆ ว่า เห็ดแชมเปญ เป็นเห็ดที่มีรูปร่างคล้ายถ้วย หรือ แก้วแชมเปญ พบมากตามป่าที่มีความชื้นสูงในช่วงฤดูฝน ขึ้นอยู่ตามพื้นดินหรือซากขอนไม้ บ้างก็ขึ้นเป็นกลุ่ม แต่มีบ้างที่จะเจอเห็ดแชมเปญแบบเดี่ยว ๆ
จะพบเห็ดหถ้วยแชมเปญ ในพื้นที่ป่าสงวน หรือ เขตอุทยาน มากกว่าจะพบในป่าทั่วไป แต่ในเขตป่าทั่วไปหากสภาพภูมิประเทศ หรือภูมิอากาศเหมาะสม ก็มีสิทธิได้ชื่นชมความงามของเห็ดแชมเปญเช่นกัน (เห็ดถ้วยแชมเปญ สีสันของฤดูฝน, 2564)
หมากเม่า หรือ มะเม่า
เป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาว แตกกิ่งก้านมาก กิ่งแขนงแตกเป็นพุ่มทรงกลม สูงประมาณ 5 – 10 เมตร เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดถึง 4 คนโอบ และมีเนื้อไม้แข็ง มักขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง หรือตามหัวไร่ปลายนาทั่วทุกภาคของประเทศไทย ดอกออกในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และผลจะทยอยสุกต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม-กันยายน ส่วนผลมีรูปร่างกลม มีขนาดผลประมาณผลพริกไท รวมกลุ่มออกบนช่อ ยาว 10 – 15 ซม. ย้อยลงมาตามกิ่งก้าน ผลดิบสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมฝาด และค่อยเปลี่ยนเป็นเหลืองอมแดง มีรสเปรี้ยวจัด เมื่อสุกผลเปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย และเป็นสีดำเมื่อสุกจัด มีรสหวานอมเปรี้ยว เปลือกผล และเนื้อผลค่อนข้างบาง ภายในเป็นเมล็ด แข็งเล็กน้อย แต่สามารถเคี้ยวรับประทานได้
หลุมพอยักษ์ -- ร่องรอยจากประวัติศาสตร์ในการหนีภัย
ร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ อีกจุดที่เราต้องเดินเลี้ยวเข้าป่าไปสักนิดจะเจอกับ ที่ที่เคยเป็นลานสนามบาส ที่ออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ แต่ชณะนี้มีหญ้าปกคลุมไม่ค่อยเห็นอะไร แแต่หากเราเลี้ยวเข้าไปด้านซ้ายอีกนิด ก็ขะเจอกับ ต้นหลุมพอ ที่มีขนาดต้นใหญ่และสูงมาก จนเขาเรียกว่า หลุมพอยักษ์ รอบต้นกว้างประมาณ 6.5 เมตร สูงประมาณ 40 เมตร และมีอายุประมาณ 600-700 ปี มีรากที่แข็งแรงมาก มีหลายต้น แต่มีต้นนี้ต้นเดียวที่ใหญ่และสูงมาก เมื่อก่อน ต้นไม้นี้ยังใช้เป็นหลุมหลบภัยได้ดีเพราะขนาดเราเข้าไปยืนรากก็บังไปเกือบครึ่งตัวแล้ว และเจ้าหน้าที่ชี้ให้ดูจุดที่เรียกว่า ถ้ำดอนเมือง ซี่งนี้ตอนนี้ก็เป็นป่ารก เห็นเพียงทางเข้าที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ให้ข้อมูลว่าด้านในเป็นป่ารกมาก ไม่ค่อยมีร่องรอยหลงเหลือแล้วด้วย และทีมเรามีเด็กเล็กร่วมทีม จึงไม่สะดวกที่จะเดินไปสำรวจถ้่ำดอนเมือง
เห็ดกรวยทองตะกู -- ขอนกรวย หิ้งกรวย
พบได้ทั่วไปในอุทยานแห่งชาติเขาสกและเขื่อนรัชชประภา รวมถึงกรุงชิงด้วย ลักษณะคล้ายทรงกรวย สีน้ำตาลอมเหลืองหรือน้ำตาลแดง ดอกเห็ดมีลายเป็นวงคล้ายวงปีของต้นไม้ ขอบของดอกเห็ดมีสีขาว และมีทั้งทั้งแบบขอบเรียบและขอบหยักเป็นคลื่น มักพบขึ้นตามขอนไม้หรือตอไม้ที่ตายแล้ว พบได้ทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว (เห็ดกรวยทองตะกู, ม.ป.ป.).
เห็ด
เร็ดหนู
ต้นเร็ดหนู เป็นไม้ลงหัวขนาดเล็กสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ต้นและใบคล้ายต้นสาคู แต่เล็กกว่ามาก ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปใบพายปลายและโคนแหลม ก้านเป็นกาบแข็งตั้งยาว ตามแนวเส้นใบมีแต้มสีม่วงดำ สลับกันข้างละ 4-5 แต้ม ขึ้นตามป่าดงดิบชื้นเขา มีมากทางภาคใต้ (ADMIN, 2021)
คลุ้ม ไม้ล้มลุกหลายฤดู
ไม้ล้มลุกหลายฤดู แตกกิ่งจำนวนมาก สูง 3-5 เมตร ใบรูปไข่แกมรี ยาว 15-30 เซนติเมตร กว้าง 7.5-18 เซนติเมตร ปลายแหลม ฐานรูปลิ่มกว้าง ขอบเรียบ กาบใบ ยาวได้ถึง 18 เซนติเมตร สีเขียว ดอกแบบช่อเชิงลด จำนวนมาก ออกที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 3 กลีบ เป็นอิสระ สีขาว กลีบดอก 3 กลีบ สีขาว เชื่อม ปลายแยก รูปขอบขนาน เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 3 อัน แผ่แบนคล้ายกลีบดอก เกสรเพศผู้ 1 อัน เกสรเพศเมีย มีรังไข่อยู่ใต้วงกลีบ ผลกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.3 เซนติเมตร สีเขียวหรือขาว เมล็ด 1-3 เมล็ด รูปรีกว้าง (คลุ้ม-ไม้ล้มลุกหลายฤดู แตกกิ่งจำนวนมาก, 2021)
ว่านค้างคาวดำ
อาจจะเรียกว่า ค้าวคาวเขียว ค้างคาวใหญ่ เป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี สูง 30-90 ซม. ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว รูปวงรี หรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ออกดอกเป็นช่อแบบซี่ร่มตามซอกใบ 1-3 ช่อ ก้านช่อดอกชูช่อกลางกอสูงราว 30-70 ซม. ช่อละ 4-6 ดอก หรือมากกว่า 20 ดอก แต่มักจะทยอยออกดอกบานทีละ 1-2 ดอก รูปดอกคล้ายค้างคาวกำลังกางปีกบิน ดอกจะบานในช่วงเวลากลางคืน แต่ละดอกใช้เวลากว่าจะบานเต็มที่ราว 7-10 วัน มีกลิ่นสาบเฉพาะตัว ดอกสีม่วงแกมเขียวถึงสีม่วงดำ ดอกเป็นหลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น6กลีบ เรียงเป็น2วง รูปใบหอก เกสรตัวผู้เป็นเส้นเรียวยาวคล้ายหนวด 8-10 เส้น ใบประดับขนาดใหญ่2คู่ดูคล้ายปีกค้างคาว สีเขียวอมขาว สีเขียวอ่อนอมม่วง จนถึงสีม่วงดำ เรียงตั้งฉากกัน ใบประดับคู่นอกรูปรี รูปใบหอก หรือรูปขอบขนาน ยาวได้ถึง 6 ซม. ส่วนใบประดับคู่ในรูปไข่ หรือรูปไข่กลับ ยาว 7-20 ซม. ออกดอกตลอดปี แต่มีมากในราวเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนกันยายน (หนอนหนังสือ, (ม.ป.ป.)
เปราะป่าใต้
ภาคใต้เรียก ว่านนกคุ้มใต้ เป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปี สูง 3-5 ซม. ต้นหนึ่งมี 1-3 ใบ แต่มักพบ2ใบ แทงขึ้นมาจากเหง้า มักแผ่ขนานไปกับพื้น ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว รูปไข่จนถึงรูปค่อนข้างกลม ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อละ 10-12 ดอก โดยทยอยออกทีละดอก ดอกสีม่วง ดอกเป็นหลอด ปลายหลอดแยกออกเป็น3กลีบขนาดเท่าๆกัน รูปขอบขนาน มีเกสรตัวผู้เป็นหมันเปลี่ยนรูปไปคล้ายกลีบดอก3กลีบ กลีบล่างหรือกลีบปากรูปไข่กลับ ปลายกลีบแฉกลึกจรดโคนดูคล้าย2กลีบ ออกดอกในราวเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม (หนอนหนังสือ, (ม.ป.ป.)
กะตังใบ
กะตังใบ เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 1-3 เมตร แตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น ลำต้นเกลี้ยง หรือปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก 1-3 ชั้น ใบย่อยมี 3-7 ใบ ถึงจำนวนมาก ปลายใบคี่ เรียงแบบสลับ ใบย่อยออกเป็นคู่ตรงข้าม หูใบรูปไข่กลับ แผ่เป็นแผ่น กว้างได้ถึง 4 เซนติเมตร ยาว 6 เซนติเมตร มักจะเกลี้ยง หรือมีขนประปราย หูใบร่วงง่าย ทำให้เกิดรอยแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมกว้าง แกนกลางใบยาว 10-35 เซนติเมตร เกลี้ยง หรือมีขนสั้นปกคลุม ใบย่อยรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ถึงรูปหอกแกมรูปไข่ หรือรูปรี หรือรูปใบหอกแกมรี กว้าง 3-12 เซนติเมตร ยาว 10-24 เซนติเมตร ปลายใบแหลมถึงเรียวแหลม โคนใบสอบ หรือกลม หรือเว้า เล็กน้อย ขอบใบจักมน หรือจักแบบฟันเลื่อย หรือแบบซี่ฟันตื้นๆเนื้อใบหนาปานกลาง ด้านล่างมีต่อมขนาดเล็กรูปเหลี่ยม หรือกลม เส้นใบมี 6-16 คู่ หลังใบและท้องใบเป็นลอนตามแนวเส้นใบ ก้านใบย่อยยาวได้ถึง 25 มิลลิเมตร เกลี้ยง หรือมีขน ก้านใบรวมยาว 10-25 เซนติเมตร เกลี้ยง หรือมีขนเล็กน้อย ริ้วประดับมีตั้งแต่รูปสามเหลี่ยมค่อนข้างกว้าง ถึงรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร ดอก ออกเป็นช่อตั้งขึ้น ตามซอกใบ ก้านช่อดอกยาวได้ถึง 15 เซนติเมตร ดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีจำนวนมาก ดอกตูมรูปทรงกลมสีแดงเข้มพอบานมีสีขาว กลีบเลี้ยงยาว 2-3 มิลลิเมตร เชื่อมติดกัน ที่โคน ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ เชื่อมติดกันที่โคน เกสรเพศผู้มี 5 อัน ติดอยู่กับหลอดเกสรเพศผู้ ปลายอับเรณูจะโผล่พ้นหลอดออกไปเป็นแฉกมนๆ ปลายแฉกเว้า เกสรเพศเมียมี 6 ช่อง แต่ละช่องมีไข่ 1 เมล็ด ก้านเกสรสั้น ปลายมน และ ผล มีแบบกลม แป้น ผิวบาง มีเนื้อนุ่ม ผลอ่อนมีสีเขียวพอแก่จัดมีสีแดงเข้มจนถึงสีม่วงดำ มี 6 เมล็ด ผลรับประทานได้ ออกดอกราวเดือนมิถุนายนถึงกันยายน พบตามป่าเต็งรัง (กะตังใบ, ม.ป.ป.)
ว่านขันหมาก
ว่านขันหมาก เป็นไม้ล้มลุกอายุนานหลายปีที่ไม่มีหัวเหมือนว่านอื่น ๆ แต่สามารถแตกหน่อเป็นลำต้นใหม่ได้ ลำต้นเกิดจากเมล็ดที่งอกบนดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง และทรงกลม ผิวลำต้นมีสีน้าตาลอมเขียวเล็กน้อย ขนาดลำต้นประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร สูงประมาณ 40 เซนติเมตร หรือมากกว่า ใบ เป็นใบเดี่ยว แทงออกด้านข้างตามความสูงของลำต้นที่แต่ละใบมีตำแหน่งเยื้องสลับกันไปตามความสูง โคนใบกว้างมน ปลายใบแหลม ขนาดกว้างสุดของใบจะอยู่บริเวณเหนือโคนใบที่กว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตร ส่วนความยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ส่วนก้านใบมีรูปร่างกลมสีเขียว มีความยาวพอๆกับความยาวของตัวใบ ดอก แทงออกเป็นช่อบริเวณตามซอกใบ ใน 1 ต้น สามารถแทงช่อดอกได้มากกว่า 3 ช่อ โดยช่อดอกจะมีกลีบเลี้ยงเป็นรูปกรวยห่อหุ้ม ส่วนปลายกรวยเว้า มองเห็นเกสร และรังไข่ และปลายกรวยแหลม ภายในประกอบด้วยเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมียที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกสีขาวอยู่ด้านบนสุด ถัดลงมาด้านล่างสุดเป็นส่วนของรังไข่ที่มีลักษณะทรงกลมที่มีออวุลล้อมรอบ รังไข่นี้จะเจริญพัฒนากลายมาเป็นผล มีลักษณะทรงกลมสีเขียว ซึ่งผลจะรวมกันอยู่ในช่อเดียวกัน ผลมีลักษณะรียาวโคนผล และปลายผลโค้งมน ขนาดผลประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียว ต่อมากลายเป็นสีเหลือง และสีส้ม เมื่อสุกจัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด และแห้งแล้วกลายเป็นสีดำ (ว่านขันหมาก ว่านงดหิน เป็นไม้ประดับ และไม้มงคล รวมถึงพืชสมุนไพร, 2021)
ส้มโกบ หรืออุโลก ไม้มงคลคุณประโยชน์เต็มเปี่ยม
อุโลก หรือส้มกบ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง โดยเป็นพืชในวงศ์เข็ม ลักษณะเป็นไม้ต้นผลัดใบ มีถิ่นกำเนิดในอนุทวีปอินเดีย อินโดจีน ไปจนถึงฟิลิปปินส์ ซึ่งพบได้ในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ โดยจะขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทรายกลางแดดจัด ถือเป็นพันธุ์ไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์และสรรพคุณมากมายในประเทศไทยจะพบได้ในป่าเต็งรังและป่าผสมผลัดใบในทุกภาคของประเทศ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง โดยลักษณะเป็นไม้ผลัดใบ มีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง เรือนออกเป็นทรงพุ่มกลมโปร่ง แตกแขนงออกจากลำต้นเป็นวงรอบตรงส่วนปลายกิ่ง และมีเปลือกต้นที่หนาแตกลอนออกเป็นสะเก็ด ซึ่งเปลือกต้นนั้นจะมีสีน้ำตาลปนเทา หรือบางทีจะเป็นสีเทาปนน้ำตาล และอุโลกก็ยังเป็นไม้เนื้ออ่อน เนียนละเอียด ที่สามารถนำไปใช้สำหรับงานแกะสลักชั้นเยี่ยมได้ โดยอุโลกนั้นเคยใช้ในการสลักตราของพระเจ้าแผ่นดินและในวัง และถือเป็น 1 ใน 9 ไม้มงคลที่ใช้แกะสลักในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ อีกด้วย (ต้นอุโลกหรือส้มกบ ไม้มงคลคุณประโยชน์เต็มเปี่ยม, ม.ป.ป.)
มะเดื่อปล้อง
มะเดื่อปล้อง มีต้นที่มีขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้ถึง 12 เมตร ไม่ผลัดใบ หรือกึ่งผลัดใบ ลำต้นตั้งตรงเปลือกหนา เปลือกต้นสีเทาปนดำ ต้นและกิ่งมีลักษณะเป็นข้อปล้องชัดเจน คล้ายรอยขวั้นเป็นข้อๆตลอดถึงกิ่ง กิ่งอ่อนกลวง ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาวขุ่น ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ กว้าง 5-13 ซม. ยาว 11-28 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบมีซี่หยักละเอียดโดยเฉพาะครึ่งปลายบน เนื้อใบคล้ากระดาษ ผิวใบด้านบนมีขนสากปกคลุม ผิวใบด้านล่างมีขนนุ่ม ใบแก่มีขนหยาบๆและบนเส้นใบด้านล่าง เส้นใบข้างโค้ง 5-9 คู่ เส้นใบที่ฐานยาว 1/5 ของใบ ก้านใบยาว 1.5-4 ซม. มีต่อมเป็นปม มีหูใบยาว 1-2.5 ซม.หลุดร่วงง่าย กิ่งก้านอ้วนสั้น ลำต้นอ่อนกลวง ดอก ออกเป็นช่อแบบชนิดช่อมะเดื่อ (syconium) ตามกิ่งและลำต้น อาจพบออกตามโคนต้น หรือตามกิ่งที่ห้อยลงไม่มีใบ ผลชนิดผลแบบมะเดื่อ กลมแป้น รูปลูกข่าง ติดเป็นกลุ่มแน่น 10-15 ผล ผลอ่อนสีเขียว แบบมะเดื่อ เมื่อแก่สีเหลือง ผลมีขนาด 2.5-4 ซม. รูปลูกข่าง แคบที่ฐาน ยอดผลแบนหรือบุ๋ม มีเส้นสัน 7-9 เส้น แผ่รอบๆจากยอด มีขนอ่อนนุ่ม และเกล็ดปกคลุมห่างๆ ก้านผลยาว 0.6-2.5 ซม. มีกาบรูปสามเหลี่ยม 3 กาบ เป็นช่อยาวตามแนวของกิ่ง ห้อยลงจากลำต้นและกิ่งใหญ่ ๆ พบตามป่าดิบแล้ง ป่าโปร่ง ป่าละเมาะ ริมลำธาร ออกดอกราวเดือนมกราคมถึงมีนาคม ติดผลเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม
ลูกฉิ่ง
ฉิ่ง เป็นไม้ยืนต้นตระกูลมะเดื่อสูงประมาณ 3 – 5 เมตร แตกกิ่งก้านมาก เปลือกต้นเรียบสีน้ำตาล อมเขียว ใบ ใบเดี่ยวขนาดใหญ่สีเขียวเข้มกว้างประมาณ 5-6 นิ้ว ยาวประมาณ 8 นิ้ว ก้านใบสีแดง หน้าใบเรียบเป็นมัน ขอบใบเรียบ หลังใบมีก้านใบนูน ผล ผลกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.2ซม. ผลออกตามต้นและกิ่งก้าน มีลักษณะเป็นช่อ ๆ ละประมาณ 5-30 ผล ผลกลมสีเขียว ข้างในมีเมล็ดเล็กๆ สีชมพูอ่อน ลักษณะคล้ายเกสรตัวผู้เบียดกันอยู่ภายใน ผลอ่อน (รสชาติฝาดมัน) นำมารับประทานเป็นผักสด เป็นผักเหนาะที่กินกับอาหารที่มีรสเผ็ด ได้แก่ น้ำพริก แกงพุงปลา หรือกินร่วมกับน้ำพริก ขนมจีนน้ำยา หรือแกงชนิดต่าง ๆ บางคนนิยมนำไปปรุงใส่แกงเผ็ด
หอมไก๋
บางถิ่นอาจจะเรียกว่า กระดูกไก่ จัดเป็นพรรณไม้พุ่ม ที่มีความสูงของต้นประมาณ 0.5-2.5 เมตร ลำต้นมีข้อบวมพอง ลักษณะคล้ายกระดูกไก่ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักพบได้ทั่วไปตามบริเวณริมน้ำหรือดินที่ค่อนข้างแฉะชื้น และมักพบได้ทั่วไปในป่าที่ราบต่ำ ในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค แต่จะพบได้มากที่สุดทางภาคเหนือ ทุกส่วนของลำต้นเมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นคล้ายกับการบูร มีรสค่อนข้างขม ใบกระดูกไก่ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นรูปรี รูปหอก รูปขอบขนานแกมใบหอก หรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบและโคนใบเรียวแหลม ส่วนขอบใบดูเหมือนเรียบแต่จะมีหยักเป็นฟันเลื่อยแบบตื้น ๆ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-13 เซนติเมตร แผ่นใบบางเป็นสีเขียวสด หลังใบด้านบนเป็นสีเขียวเข้มและเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนท้องใบมีสีอ่อนกว่าหลังใบ ก้านใบยาวประมาณ 0.2-1.5 เซนติเมตร ใบมีน้ำมันหอมระเหยและกรดคูมาริก ส่วนดอก ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ติดก้านช่อดอก แต่ละช่อประกอบไปด้วยดอกย่อยขนาดเล็กหลายดอก ดอกย่อยเป็นสีขาวติดเป็นก้อนกลมตามก้านช่อดอก ดอกมีกลิ่นหอม ดอกไม่มีกลีบดอกหรือกลีบรองดอก แต่จะมีใบประดับและเกสรเพศผู้สีขาว ซึ่งจะออกเรียงกันอยู่ข้างใน และอับเรณู 4 พู มีรังไข่ 1 ช่อง เชื่อมติดกันอยู่โคนใบประดับ โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกรกฎาคม (เมดไทย, 2020)
ไผ่
“ไผ่” เป็นพืชตระกูลหญ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมากกว่า 1,000 ชนิดทั่วโลก ซึ่งในไทยพบมากกว่า 60 ชนิด ไผ่มีรากที่แผ่กระจายและหนาแน่น ทำให้ขยายพันธุ์ได้เป็นวงกว้าง อีกทั้งระบบเหง้าที่พิเศษของไผ่ สนับสนุนให้ต้นไผ่ที่โตเต็มที่ส่งคาร์โบไฮเดรตและสารอาหารที่จำเป็นแก่หน่อและต้นอ่อน เพื่อให้ไผ่รุ่นต่อไปแข็งแรงพร้อมเติบโต เราจึงมักพบไผ่อยู่รวมกันเป็นกอ
และไผ่ก็ยังมีความเกี่ยวพันกับความเป็นอยู่และวิถีวัฒนธรรมของชุมชน ทั้งในประเทศไทยและทวีปเอเชีย โดยมีความเชื่อว่า หากดอกไผ่บานจะเป็นสัญญาณแห่งความอดอยาก แท้จริงแล้ว ตลอดชีวิตของไผ่ออกดอกเพียงครั้งเดียวเมื่อหมดอายุขัย ต้นไผ่จะลดจำนวนลงและตายในที่สุด ทำให้การใช้ประโยชน์จากไผ่สิ้นสุดลง
ระกำ
ระกำ เป็นพืชวงศ์ปาล์ม จัดเป็นชนิดเดียวกันกับ สละ ต้นเป็นเหงาใต้ดิน ก้านใบเป็นลำกลมยาว มีหนามแข็ง แผ่นใบรูปรียาว ดอกสีแดง ออกเป็นช่อ ผลกลม ผิวแข็งขรุขระ เมื่อสุกมีสีสีแดงคล้ำ ช่วงเวลาออกดอก สิงหาคม – กันยายน นิยมใช้หน่อรับประทานอาหาร ทางภาคใต้จะใช้ผลระกำ ทำแกงส้ม ตำน้ำพริก แทนมะนาว เพราะมีรสเปรี้ยว (ระกำ, 2021)
หวายหนู
สัตว์ป่า และสัตว์อื่นในป่ากรุงชิง ที่เรามักพบได้เสมอ แต่ไม่ได้ทุกคนที่ไปแล้วจะเจอ
ปูภูเขา
ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ปูภูเขาอาจารย์ไพบูลย์ พบครั้งแรกที่นี่ และพบเป็นวงกว้างตามแนวเทือกเขานครศรีธรรมราชตอนเหนือ ปูชนิดใหม่ของโลกนี้ตั้งตามชื่อของศาสตราจารย์ ดร.ไพบูลย์ นัยเนตร ผู้เป็นนักอนุกรมวิธานของไทยด้านสัตว์กลุ่มปูที่สร้างผลงานด้านนี้ไว้เป็นจำนวนมาก
“ปูภูเขาอาจารย์ไพบูลย์” เป็นสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลัง มีบทบาทใหม่ในห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศน้ำไหลบริเวณนั้น สามารถดำรงชีวิตด้วยการขุดรูอาศัยอยู่ใกล้กันกับแหล่งน้ำและออกหากินอยู่บนดิน ปูเพศเมียที่มีลูกปูขนาดเล็ก จะคลานลงบริเวณชายน้ำ แล้วปล่อยให้ลูกออกมาอาศัยและหากินตามริมน้ำ
มดยักษ์
ในผืนป่ากรุงชิงแห่งนี้ มีมดกว่า 500 ชนิด จากที่พบในประเทศไทยประมาณ 1,200 ชนิด ด้วยขนาดลำตัวของมดยักษ์ปักษ์ใต้ ยาวถึง 2.5-3 ซม. นับได้ว่าเป็นมดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มักอาศัยอยู่ตามขอนไม้ผุขนาดใหญ่และใต้ดินบริเวณต้นไม้ใหญ่เฉพาะในป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์ทางภาคใต้ จึงใช้เป็นดัชนีบ่งชี้สภาพของป่ากรุงชิงได้ทางหนึ่ง
“มด” มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อาหารหลายระดับ ช่วยทำให้ระบบนิเวศอยู่ในสภาวะสมดุล และเป็นผู้ช่วยแพร่กระจายพันธุ์ของต้นไม้ในป่า ซึ่งหากพื้นที่ป่าถูกรบกวน มดเหล่านี้อาจสูญพันธุ์ และยังทำให้สัตว์หรือพืชที่เปราะบางหายไปจากพื้นที่ได้เร็วยิ่งขึ้น
จั๊ักจั่นงวงช้าง
ลักษณะทั่วไป คล้ายคลึงกันกับจักจั่นงวงแดง โดยมีส่วนที่ยื่นยาวและโค้งบนหัวมีสีแดงจุดขาว ปีกคู่หน้ามีสีเขียวดำ มีลายขาวแต้มเหลืองพาดเป็น 3 แถว ส่วนปลายของปีกจะมีจุดสีเหลืองบนพื้นลายเขียวดำแต้มขาว ซึ่งจะมีความถี่กว่าช่วงฌคนปีก ส่วนปีกคู่หลังจะมีสีฟ้า โคนขาวสีน้ำตาล ปลายขาดำ ท้องขาว ชอบเกาะตามลำต้นของต้นไม้ใหญ่ ดูดกินน้ำเลี้ยงจากลำต้นพืช มีถิ่นอาศัย : ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ (จักจั่นงวงกะเหรี่ยง, 2018)
สิ่งมีชีวิตในผืนป่ากรุงชิง ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทั้งพืชพรรณและสัตว์ป่าแห่งผืนป่าดิบชื้นของภาคใต้แห่งนี้ ดังนั้น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ หรือชม เล่นน้ำตกของเรามีความสนุก มีความสุข และช่วยให้เรารู้จักพืชพรรรณ พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์ปีก และอีกมากมายในผืนป่าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แต่ทุกชนิดใช่ว่าเราจะพบเจอหมด ต้องมีเวลาเจอกันพอดี เราจึงจะได้เจอ สายผจญภัย สายสึเขียวที่รักธรรมชาติ หรือสายท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์ เนื้อหาคงช่วยให้เราได้รู้จักและรักผืนป่ากรุงชิงแห่งนี้มากขึ้น และรอติดตามซีรีส์การเดินป่า และน้ำตกทั้งหลายของเทือกเขาหลวง นครศรีธรรมราช ต่อไปนะคะ
ข้อมูลอ้างอิง
กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม. (28 กุมภาพันธ์ 2566). อ่านเรื่อง “กรุงชิง” ฉบับ “ขุนพันธ์” ทูลเกล้าฯถวายในหลวงตามพระบรมราชโองการ. SILPA-MAG.com. https://www.silpa-mag.com/history/article_23218
กะตังใบ. (ม.ป.ป.). ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. https://www.silpa-mag.com/history/article_23218
คลุ้ม ไม้ล้มลุกหลายฤดู แตกกิ่งจำนวนมาก. (18 มีนาคม 2021). เกษตรตำบล.คอม. https://www.kasettambon.com/ปุด-พืชตระกูลขิงข่า-มีเห/
จักจั่นงวงกะเหรี่ยง. (18 มีนาคม 2021). ENAC Thailand. https://www.enac-club.com/knowledge/nature/insect/pyrops_karenia.html
ต้นอุโลกหรือส้มกบ ไม้มงคลคุณประโยชน์เต็มเปี่ยม. (ม.ป.ป.). สื่อเดินทาง. Kaset today. https://kaset.today/พันธุ์ไม้/ต้นอุโลก-ส้มกบ/
ปุด พืชตระกูลขิงข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดิน. (19 มกราคม 2021). เกษตรตำบล.คอม. https://www.kasettambon.com/คลุ้ม-ไม้ล้มลุกหลายฤดู-แ/
เมดไทย. (3 กันยายน 2020). กระดูกไก่ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกระดูกไก่ 10 ข้อ ! (หอมไก๋). Medthai. https://medthai.com/กระดูกไก่/
ระกำ. (4 กรกฎาคม 2021). ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. http://www.qsbg.org/Database/Botanic_Book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=3095
มูลนิธิไทยรักษ์ป่า. (11 มิถุนายน 2022). ต้นชิง ร่องรอยความเนืองแน่ของพืชตระกูลปาล์ม. มูลนิธิ. https://www.facebook.com/thairakpaofficial/photos/a.363717620503166/1958935104314735/?paipv=0&eav=afz2pex15dojjvl-aa43wabdt1zy9nraddqnebt–y9v5xqv_qizpfxwircj1zlrvda&_rdr
ลูกชก ผลไม้โบราณ นานกว่าจะออกลูก. (ม.ป.ป.). Kaset Organic. https://www.kasetorganic.com/knowledge/sugar-palm/
ว่านขันหมาก ว่านงดหิน เป็นไม้ประดับ และไม้มงคล รวมถึงพืชสมุนไพร. (24 กุมภาพันธ์ 2021). เกษตรตำบล.คอม. https://www.kasettambon.com/ว่านขันหมาก-ว่านงดหิน-เ/
สารานุกรมความหลากหลายทางชีวภาพระดับท้องถิ่น: ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช. (2554). สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.
หนอนหนังสือ. (ม.ป.ป.). พรรณไม้และสัตว์ป่า..น้ำตกกรุงชิง อุทยานฯเขาหลวง. สื่อเดินทาง. https://www.travelmart.co.th/plants-and-luang-krung-ching-waterfall-khao-national-park/
เห็ดถ้วยแชมเปญ สีสันของฤดูฝน. (18 พฤษภาคม 2564). GimYong.com. https://news.gimyong.com/article/14315
เห็ดกรวยทองตะกู. ( ม.ป.ป.). ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติรำไพพรรณี. https://org.rbru.ac.th/~natural/showmushroomall.php?id_mushroom=3
ADMIN. (18 มีนาคม 2021). เร็ดหนู. thdata. https://org.rbru.ac.th/เร็ดหนู
Visits: 58
- อุทยานแห่งชาติเขาหลวง : จากผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์สู่แหล่งต้นน้ำสำคัญของแดนใต้ตอนกลาง
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินป่าหน้าฝน – น้ำตกกรุงชิง
- น้ำตกกรุงชิง ความงามกลางป่าเขาหลวงและธนบัตร 1000 บาท
- น้ำตกอ้ายเขียว : เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เดินสบายตามสวนหินเลียบลำธาร
- ป่ากรุงชิง มหัศจรรย์พืชพรรณและสัตว์ป่าแห่งผืนป่าดิบชื้นของภาคใต้
- น้ำตกพรหมโลก อีกหนึ่งเสน่ห์ทางธรรมชาติและสายน้ำของนครศรีธรรมราช
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติ : สัมผัสบรรยากาศป่าดงดิบริมน้ำตกพรหมโลก