อนุสาวรีย์แม่เจ้าอยู่หัว (พระนางเลือดขาว) ผู้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ความใจบุญมีกุศลในการบำรุงพระศาสนา

สถานที่ตั้ง

ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระบรมธาตุ ติดกับพระวิหารหลวง กำแพงด้านหลังติดกับถนนพระบรมธาตุ อนุสาวรีย์ของพระองค์จะอยู่บนฐานเดียวกันกับสมเด็จพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้เป็นพระสวามี จะตั้งอยู่ภายในบริเวณของสวนพุทธิสารเถร บริเวณนั้นจะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาลาศรีพุทธิสาร และลานธรรมวิปัสสนา อยู่ในบริเวณเดียวกัน ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

ความเป็นมาของแม่เจ้าอยู่หัวคือ พระนางเลือดขาวแห่งเมืองนครฯ

งานการค้นคว้าของชาวแม่เจ้าอยู่หัวเพื่อค้นหา “แม่เจ้าอยู่หัว” ได้บทสรุปว่าคือพระนางเลือดขาว มีเรื่องราวสรุปย่อได้ว่าเป็นบุตรีคหบดีมีอาชีพค้าขาย ณ ชุมชนสุดสายหาดทรายแก้วนครศรีธรรมราช (สันทรายเชียรใหญ่) บิดาเป็นชาวพัทลุงเชื้อสายลังกา (คุลา) มารดาเป็นชาวบ้านเก่าหรือบ้านฆ็อง (บริเวณที่ตั้งวัดแม่เจ้าอยู่หัวปัจจุบัน) เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ. 1745 ไม่ปรากฏพระนามเดิมนอกจากบางกระแสเรียกชื่อว่า “กังหรี” มีพี่ 2 คน คือ ทวดชีโป (มีรูปปั้นที่วัดพังยอม ตำบลสวนหลวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) และพ่อท่านขรัว (มีรูปปั้นที่วัดบ่อล้อ ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่)

พระนางเลือดขาวเป็นคนงามด้วยเบญจกัลยาณี คือ ผมงาม เนื้องาม ฟันงาม ผิวงามและวัยงาม มีนิสัยโอบอ้อมอารี เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เป็นที่รักของบุคคลโดยทั่วไป มีเลือดสีขาวแต่กำเนิดจนเป็นที่รับรู้เมื่อคราวช่วยงานในหมู่บ้าน ทำหน้าที่เจียนหมากพลูจนกรรไกรหนีบนิ้วมีเลือดไหลออกมาปรากฏเป็นสีขาวต่อหน้าผู้คนที่มาร่วมงาน จนร่ำลือถึงพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ 5 หรือพระเจ้าสีหราช แห่งนครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์) ณ เมืองพระเวียง จนคราวศึกเมืองทะรังหรือเมืองกันตังแข็งข้อ หลังชนะศึกชนช้าง (ที่บ้านทุ่งชนในเขตอำเภอทุ่งสงปัจจุบัน) และรับบรรณาการที่นำมาถวายแล้ว (จนได้ชื่อว่าทุ่งสง-ส่งเครื่องบรรณาการ)

ระหว่างพักแรมกลางทางกลับ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงพระสุบินเห็นสตรีมีลักษณะงดงามตามเบญจกัลยาณี มีใจกุศล เป็นคู่บุญบารมี พำนักอยู่ทางทิศใต้ตามเส้นทางหาดทรายแก้ว และมีเลือดสีขาว จึงเมื่อเข้าเมืองนครศรีธรรมราช นมัสการพระบรมธาตุแล้วจึงจัดขบวนเสด็จออกค้นหาจนถึงสำนักพ่อท่านขรัว ได้พบพระนางเลือดขาวที่มารับเสด็จ โดยขณะทอผ้าถวายได้ทำตรน (อุปกรณ์ที่ทำจากไม้ไผ่มีความคมมาก) บาดนิ้วเลือดออกเป็นสีขาว จึงขอพระนางไปเป็นพระนางเมือง เมื่อเสด็จกลับแล้วจึงให้พราหมณ์ปุโรหิตจัดขบวนหลวงสู่ขอรับเข้าวัง ปรนนิบัติรับใช้ด้วยความจงรักภักดี ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทำคุณประโยชน์ให้บ้านเมืองมากมาย เป็นที่รักของไพร่ฟ้าแต่ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาต่างๆ นานาจากพระสนมอื่น

พระนางเลือดขาวได้รับสถาปนาเป็นแม่เจ้าอยู่หัวหรือพระนางเลือดขาวอัครมเหสี จนเป็นที่เรียกโดยทั่วไปว่า พระนางเลือดขาวแม่เจ้าอยู่หัว หรือแม่เจ้าอยู่หัวพระนางเลือดขาว (บัญชา พงษ์พานิช, 2546, น. 155-156)

พระนางเลือดขาวนั้นเป็นอัครมเหสีของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ด้วยเหตุนี้จึงเรียกโดยทั่วไปว่า พระนางเลือดขาวแม่เจ้าอยู่หัว หรือแม่เจ้าอยู่หัวพระนางเลือดขาว หมายถึงผู้อยู่ในฐานะพระมเหสีเอกของพระเจ้าอยู่หัว พระนางมีนิสัยโอบอ้อมอารีเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เป็นที่รักของบุคคลโดยทั่วไปตั้งแต่เยาว์วัย ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งอัครมเหสี พระนางทรงทำนุบำรุงศาสนาโดยการสร้างและปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งในเมืองนครศรีธรรมราช (เมืองตามพรลิงค์) และเมืองใกล้เคียงประมาณปี พ.ศ. 1790 พระชนมายุ 45 ปี พระนางได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระเจ้าศรีธรรมโศกราช โดยการเสด็จไปประเทศลังกา เพื่อทรงรับพระพุทธสิหิงค์มายังนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 1799 พระนางมีพระชนมายุ 55 ปี ได้เสด็จไปยังเมืองสุโขทัย เพื่อจัดระเบียบสงฆ์ฝ่ายฆราวาส ประทับอยู่ที่สุโขทัยนาน 5 ปี จึงเสด็จกลับเมืองนครศรีธรรมราช (พระครูสิริธรรมาภิรัต, 2554 น. 109)

พระนางเลือดขาวได้ขอต่อพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชว่าหากสิ้นพระชนม์ลงขอให้นำศพกลับบ้านเกิด ต่อมาข่าวความเดือดร้อนที่พระนางถูกกลั่นแกล้งทราบถึงพ่อท่านขรัว พ่อท่านขรัวได้เดินทางมาขอบิณฑบาตรับแม่เจ้าอยู่หัวกลับบ้านเดิม และทรงอนุญาตพร้อมทั้งให้สร้างวังขึ้น ณ ริมฝั่งแม่น้ำปากพนัง (บ้านในวัง ตำบลแม่เจ้าอยู่หัวปัจจุบัน) แต่การสร้างล่าช้าเพราะพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงประวิงเวลาไว้ไม่อยากให้พระนางกลับบ้านเดิม

จนกระทั่งคราวเสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่เมืองทะรัง (ตรัง) ได้สิ้นพระชนม์ระหว่างทางขณะประทับแรมด้วยกลด (บ้านควนกลด อำเภอทุ่งสงปัจจุบัน) ในปี พ.ศ. 1814 พระศพถูกอัญเชิญกลับสู่เมืองนครศรีธรรมราช (เมืองพระเวียง) ตั้ง ณ วัดท้าวโคตร แล้วจัดขบวนทางน้ำตามลำคลองท่าเรือ ออกทะเลปากนคร เข้าแม่น้ำปากพนัง (ปากพระนาง) มาขึ้นฝั่งที่บ้านหน้าโกศ จนถึงสำนักพ่อท่านขรัว (บริเวณวัดบ่อล้อปัจจุบัน) ถวายพระเพลิงแล้วนำพระอัฐิและพระอังคารประดิษฐานในมณฑปสูง 12 วา มีเจดีย์บริวารโดยรอบ ณ วัดแม่เจ้าอยู่หัว

พร้อมกับยังมีสรุปพระกรณียกิจที่สำคัญในตอนท้ายอีกว่า ทรงเป็นผู้นำเสด็จพระพุทธสิหิงค์ พระบรมสารีริกธาตุจากลังกา ทรงสมโภชพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ฐานะพระอรหันต์ฆราวาส (?-ผู้เขียน) ทรงเป็นอรหันต์ฝ่ายฆราวาสแห่ง 12 หัวเมืองนักษัตร เสด็จไปสุโขทัยในนามกษัตริย์นครศรีธรรมราชวางแผนนโยบายด้านศาสนาฝ่ายฆราวาส ทรงปกครองเมืองนครศรีธรรมราชช่วงศึกลังกา (ที่พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงยกทัพไปลังกา) ทรงปฏิสังขรณ์และสร้างวัดมากมายทั่วทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชถึง 54 วัด กับในจังหวัดพัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ภูเก็ต ชุมพรอีกถึง 23 วัด  (บัญชา พงษ์พานิช, 2546, น. 157)

ลักษณะที่แสดงถึงความเป็นพระนางเลือดขาว แม่เจ้าอยู่หัว พระมเหสีของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช

  1. เป็นเหตุการณ์ยุค พ.ศ. 1790 ประมาณ 754 ปีก่อน
  2. เสด็จไปถึงลังกา
  3. พุทธศาสนิกชนนิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์
  4. เลือดขาวมาแต่กำเนิด
  5. สิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา พระชนมายุ 70 พรรษา
  6. เป็นมเหสีของกษัตริย์เมืองนครศรีธรรมราช
  7. เกล้ามวยผมทรงสูง
  8. เดินทางมาสร้างวัดพระนางสร้างที่ภูเก็ต ปี พ.ศ. 1790
  9. ปี พ.ศ. 1793 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชที่ 5 ฉลองสมโภชพระพุทธสิหิงค์รวมกับพระบรมธาตุเจดีย์ โดยมีพระนางเลือดขาวแม่เจ้าอยู่หัวฐานะอรหันต์ฝ่ายฆราวาสแห่งภาคใต้

(บัญชา พงษ์พานิช, 2546, น. 158)

อนุสาวรีย์รูปหล่อของพระนางเลือดขาว ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช

พระอนุสาวรีย์พระนางเลือดขาว นั้น “ผู้ใหญ่ชะลอ เอี่ยมสุทธิ์” เป็นผู้สร้างถวาย  ซึ่งก่อนหน้านั้น “พระเทพวินยาภรณ์เจ้าอาวาส” วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้สร้างแท่นประดิษฐานไว้ บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (พระครูสิริธรรมาภิรัต, 2554, น. 108)

แต่ในปัจจุบันได้ย้ายไปประดิษฐาน ณ บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระบรมธาตุ ติดกับพระวิหารหลวง กำแพงด้านหลังติดกับถนนพระบรมธาตุ อนุสาวรีย์ของพระองค์จะอยู่บนฐานเดียวกันกับสมเด็จพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้เป็นพระสวามี จะตั้งอยู่ภายในบริเวณของสวนพุทธิสารเถร บริเวณนั้นจะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาลาศรีพุทธิสาร และลานธรรมวิปัสสนา อยู่ในบริเวณเดียวกัน ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

ดังที่ทราบกันว่า ตลอดทั้งปีจะมีคณะต่างๆ มาถวายการแสดง “โนรา” ต่อหน้าพระอนุสาวรีย์ของพระนางอยู่อย่างต่อเนื่อง อันมาจากการที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าการแสดงโนราเป็นการแสดงที่พระนางโปรดปรานเป็นพิเศษ รวมถึงการมาขอพรกับพระนางจะต้องนำ “ดอกบัว” ดอกไม้ที่ทรงโปรดปรานที่สุดเช่นกันมาถวาย พรที่ได้ก็จะสำเร็จดังปรารถนา

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ตำนานของพระนางเลือดขาว ที่เล่าถึงความดีงาม ความใจบุญมีกุศลในการบำรุงพระศาสนาของหญิงผู้มีบุญ โดยเปรียบเทียบความดีของพระนางด้วยเลือดสีขาว ที่แตกต่างจากผู้อื่น จนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมืองนครศรีธรรมราช ไว้อย่างมากมาย จึงขอระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไว้ตลอดไป

 

บรรณานุกรม

บัญชา พงษ์พานิช. (2546). แม่เจ้าอยู่หัวที่เมืองนครฯ อีกหนึ่ง “นางเลือดขาว” ที่ชาวบ้านช่วยกันเขียนเป็นตำนานของท้องถิ่น. ศิลปวัฒนธรรม, 24(7), 155-158.

พระครูสิริธรรมาภิรัต. (2554). รูปหล่อพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชและพระนางเลือดขาว. ประวัติวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร. กรุงเทพฯ : เม็ดทราย.

 

Series Navigation<< พระนางเหมชาลา และเจ้าชายทนทกุมาร : ผู้นำพระบรมสารีริกธาตุสู่ดินแดนนครศรีธรรมราชต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช >>

Views: 863

This entry is part 19 of 21 in the series วัดพระธาตุ

Comments

comments

Leave a Reply

For security, use of Google's reCAPTCHA service is required which is subject to the Google Privacy Policy and Terms of Use.

You are currently viewing อนุสาวรีย์แม่เจ้าอยู่หัว (พระนางเลือดขาว) ผู้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ความใจบุญมีกุศลในการบำรุงพระศาสนา