วัดประดู่พัฒนาราม
วัดประดู่พัฒนาราม หรือ เดิมเรียกว่า “วัดประดู่” หรือ วัดโด เป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกษัตริย์ไทย และเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในอดีต (เฉลียว เรืองเดช, 2542, น. 4269) และเป็นวัดที่คู่กับวัดแจ้ง ดังคำกล่าวที่ว่า “เข้าวัดแจ้ง ดูเก๋งปูนปั้นซุ้มประตู เข้าวัดประดู่ ดูลายไม้แกะจากเมืองจีน”
ที่อยู่ : ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 23 ถนนราชดำเนิน ตำบลท่าวัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช 80000
เนื้อที่ : มีเนื้อที่ทั้งหมด 19 ไร่ 54.7 ตารางวา โฉนดที่ดิน เลขที่ 7062 เล่มที่ 71 หน้าที่ 62 อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
นิกาย : มหานิกาย
ประเภทวัด : วัดราษฎร์
ได้รับอนุญาตตั้งเป็นวัด : พุทธศักราช 1815
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา : พุทธศักราช 1820
ประวัติวัด
ในอดีตวัดประดู่ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 1815 ได้รับวิสุงคามสีมา พ.ศ. 1820 เป็นวัดฝ่ายมหานิกาย
ตำนานการสร้างวัด มีอยู่ 2 ระยะ ดังปรากฏในหนังสือ “น้อมรำลึก” โดยน้อม อุปรมัย (อดีต ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราช และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร) กล่าวว่า ในระยะแรก สมัยสมเด็จพระราเมศวร ได้อพยพพลเมืองจากทางภาคเหนือ แถวแคว้นล้านนาและทางภาคอีสานบางส่วน ให้มาตั้งถิ่นฐานทางภาคใต้ รวมทั้งเมืองนครศรีธรรมราชด้วย ได้ผสมผสานกับชนพื้นเมือง ในการนี้ บุคคลที่สำคัญยิ่งท่านหนึ่ง ชื่อว่า “พระพนมวัง” ภริยาชื่อ “นางเสดียงทอง” ถูกส่งให้มาควบคุมดูแลพลเมือง และช่วยพัฒนาท้องถิ่น พร้อมเครือญาติจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นสมเด็จพระราเมศวรยังได้นิมนต์พระภิกษุให้มาช่วยสร้างวัดควบคู่กันด้วย โดยเฉพาะให้ “พระมหาเถรอนุรุทธ” นำญาติโยมจากเมืองยศโสทร (เป็นเมืองเก่าในภาคกลางตอนบน) มาสร้างวัดทางทิศเหนือของชานเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งบริเวณนั้นเป็นดอนทราย หรือ หาดทราย มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นเต็มไปหมด สภาพเป็นป่ารกชัด แต่มีต้นประดู่ขึ้นอยู่มาก เมื่อสร้างวัด จึงให้ชื่อว่า “วัดประดู่” ภาษาภาคใต้เรียกว่า วัดโด” วัดประดู่สร้างใหม่ ๆ เป็นวัดที่มีความเจริญมาก ต่อมาเสื่อมโทรมลงจนเป็นวัดร้าง (เฉลียว เรืองเดช, 2542, น. 4269) ได้รับการปฏิสังขรณ์เป็นครั้งคราว เมื่อมีพระภิกษุมาจำพรรษาอยู่บางครั้ง
ต่อมาปี พ.ศ. 2528 เจ้าอาวาส คือ พระครูพิศาลพัฒนกิจ (บุญรอด) ได้พัฒนาวัดประดู่หลายด้านทำให้วัดเจริญก้าวหน้าขึันมาก จึงได้เพิ่มชื่อวัดเป็น “วัดประดู่พัฒนาราม”
ลักษณะเด่น
เก๋งจีนวัดประดู่ หรือ เก๋งพระเจ้าตาก โบราณสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดประดู่พัฒนาราม จ.นครศรีธรรมราช สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2358 ตั้งอยู่ริมถนนราชดําเนินใกล้กับสนามกีฬาจังหวัด ก่อสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ โดยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง) เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบุตรเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ผู้เป็นโอรสของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กับเจ้าจอมมารดาปราง ในช่วงปลายรัชกาลที่ 3 ท่านได้บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระอัยกาและพระอัฐิเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ท่านบิดาไว้ในบัวทรงเจดีย์องค์เดียวกัน ดูแลโดยกรมศิลปากร และสายสกุล ณ นคร สายสกุลเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช มาแต่โบราณ
ประวัติการสร้างวัดอีกด้าน ได้มีการกล่าวว่า พี่สาวของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช(พัด)ชื่อ “หญิง” หรือ “คุณหญิง” เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เป็นผู้สร้างวัดประดู่ มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า ปีพ.ศ. 2319 พระเจ้า กรุงธนบุรีทรงตั้งให้เจ้านครศรีธรรมราช (หนู) เป็นเจ้าเมือง นครศรีธรรมราช และมารับตำแหน่ง เมื่อ พ.ศ. 2325 – 2327 มีชายาชื่อ “หม่อมทองเหนี่ยว” มีธิดา 1 องค์ชื่อ “เล็ก” หรือ “คุณเล็ก” คุณเล็กได้สมรสกับเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัด) จากบันทึกอันนี้แสดงให้เห็นว่า วัดประดู่มีอยู่ก่อนแล้ว จึงอาจเป็นการบูรณปฏิสังขรณ์สร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ขึ้น โดยคุณหญิง ซึ่งตรง กับหลักฐานในพงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราช เขียนโดย “หลวง อนุสรสิทธิกรรม” (บัว ณ นคร) ว่าเจ้าพระยานครศรีธรรมราช(พัด) ได้สนับสนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดประดู่ครั้งใหญ่ มีการขุดคลองด้านทิศตะวันออกขุดสระน้ำด้านทิศตะวันตก หน้าวัดสร้างกำแพง หนาขนานกับทางเดิน (ถนนราชดำเนิน ตอนนั้นยังไม่มีถนน และชื่อถนนเป็นเพียงแต่ทางเดิน) ต่อมา พ.ศ. 2470 ในรัชกาลพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตระกูล ณ นคร ได้บูรณะอุโบสถทั้งหมด ทำให้สวยงามยิ่งขึ้น พร้อมกับจัดสร้างซุ้มพัทธสีมาเป็นศิลปะจีนประยุกต์ ดังปรากฏอยู่ปัจจุบัน ที่ตั้งตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช (เฉลียว เรืองเดช, 2542, น. 4269-4270)
ขอบคุณภาพในอดีตจาก นครออนไลน์
ลักษณะของ “เก๋งพระเจ้าตาก” หรือ ตึกเจ้าตาก ตั้งอยู่ตรงหน้าอุโบสถ อาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผนังก่ออิฐ ลักษณะศิลปะจีน ภายในเก๋งพระเจ้าตาก มีบัว คือ เจดีย์ ขนาดย่อม 1 องค์ส่วนยอดเป็นรูปทรงดอกบัวตูม สร้างเป็นบัว 3 ชั้น สูง ประมาณ 2 เมตร ก่อด้วยอิฐถือปูน ประดับลวดลายด้วยกระจกสี
สถานที่สำคัญ
กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล (2549) ได้เขียนไว้ว่า “เก๋งจีนพระเจ้าตาก” หรือศาลพระเจ้าตากสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2358 ตัวอาคารตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดประดู่พัฒนาราม ติดกับถนนราชดำเนิน ถูกสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ถูกขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อ 17 กันยายน 2479 ตัวอาคารเป็นศิลปะแบบจีน ทรงอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 6.40 เมตร ยาว 10.30 เมตร หันหน้าไปทางทิศใต้ ผนังก่ออิฐถือปูนหนา 45 ซม. ผนังทึบ 3 ด้าน ด้านหน้ามีการวางผังรูปแบบในลักษณะท้องพระโรงเข้าเฝ้าจักรพรรดิ หรือฮ่องเต้ ตัวอาคารบริเวณทางเข้าโถงประกอบเครื่องสูงสำหรับจักรพรรดิ หรือฮ่องเต้ อย่างจีนประดับอย่างครบถ้วน มีศิลาบันทึกความสำคัญของสถานที่ว่าเป็นเก๋งจีนบรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยไม่ลืมที่จะบันทึกไว้ว่า เป็นประวัติศาสตร์บอกเล่า
ศิลปะความเชื่อในสัญลักษณ์มังกรและเครื่องประกอบของ “เก๋งจีนพระเจ้าตาก” ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งใช้สัญลักษณ์ของฮ่องเต้ หรือจักรพรรดิ แบบอย่างราชประเพณีจีน และสถาปัตยกรรมอาคารแบบจีน สถานที่นี้เป็นโบราณสถานที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประวัติศาสตร์บอกเล่าสัญลักษณ์มังกร อีกทั้ง เครื่องประกอบที่บ่งบอกนัยแห่งจักรพรรดิ หรือกษัตริย์จีน จะถูกนำมาเทียบเคียงอธิบายหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในแนวแบบอารยธรรมข้ามพรมแดน ที่ถูกส่งผ่านคนเชื้อสายจีนอย่างมีเหตุมีผล ผ่านหลักฐานสิ่งปลูกสร้าง “เก๋งจีนพระเจ้าตาก” ด้วยศิลปะสำหรับฮ่องเต้ หรือจักรพรรดิแบบจีน ที่ซ่อนเร้นความหมายการเปลี่ยนผ่านอำนาจ การเมือง และความหมายของบุคคลสำคัญ
สถานที่นี้ มีความเชื่อท้องถิ่นเก่าแก่ว่า นี่คือที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรืออีกพระนามคือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สิ่งนี้คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราช ที่ถูกจำกัดวงขอบเขตแค่ความหมายของ “ประวัติศาสตร์บอกเล่า” และมีนัยสำคัญทางด้านอำนาจ การเมือง การปกครอง ที่ถูกให้ความหมายท้าทายในบริบททางประวัติศาสตร์กระแสหลักอย่างแตกต่างในอีกมิติ ด้วยการวิเคราะห์ในแนววิชาการ
ทางเข้าไปถึงโถงด้านหน้าประกอบด้วยแผ่นศิลา 3 แผ่น ตามคติถูกให้ความหมายแผ่นแรกคือ ตำแหน่งการกราบไหว้ฟ้าดิน แผ่นที่สองคือ จุดกราบไหว้เทพเทวา และแผ่นที่สามคือ จุดกราบไหว้ภูมิเจ้าที่ ด้านหลังประตูแบบจีนคือ บัวประดิษฐานพระบรมอัฐิ แต่ทว่า ประวัติศาสตร์บอกเล่าในท้องถิ่นกลับสวนทางกับประวัติศาสตร์กระแสหลัก แต่สัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บน “บัว” หรือสถูปนี้คือ “ครุฑพ่าห์” ทั้งสี่ทิศ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้ เป็นด้วยที่ชาติกำเนิดของสมเด็จพระเจ้าตากสิน มีเชื้อสายจีนจากฝ่ายพระราชบิดา การให้ความหมายของกษัตริย์ยังคงถือเป็น “โอรสแห่งสวรรค์” เครื่องประกอบสถาปัตยกรรมแห่งนี้ จึงเป็นอย่างฮ่องเต้ หรือจักรพรรดิทั้งหมด บันทึกสำคัญของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า สิ่งของเครื่องสูงเหล่านี้ถูกสั่งมาจากเมืองจีน โดยเจ้าพระยานคร (น้อยกลาง) เป็นผู้ดำเนินการสร้าง โดยบางช่วงบางตอนได้ระบุในบันทึกดังนี้ ราสัญลักษณ์เฉพาะของเจ้าเมืองชั้นสูง หรือกษัตริย์เท่านั้น
ตึกเจ้าตาก ได้รับการซ่อมแซม มาตามลำดับ หลังจากกรมศิลปากร ขึ้นทะเบียนแล้ว พ.ศ. 2514 ได้ซ่อมแซมให้ดูสวยงามขึ้นและ พ.ศ. 2540 ก็ซ่อมแซมอีกครั้งหนึ่ง ทุกอย่าง ยังรักษารูปแบบศิลปะเดิมไว้
อุโบสถ เป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบโบราณปัจจุบันหาดูได้ยาก รูปแบบอาคาร ฐานล่างทำเป็นทรงเรือสำเภา ตัวอาคารก่ออิฐถือปูน ไม่มีเสา ไม่ใช้เหล็ก ผนังหนาประมาณ 1 ศอก อุโบสถนี้สร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่ได้รับการบูรณะเสมอมา ต่อมา พ.ศ. 2537 พระครูพิศาลพัฒนกิจ (บุญรอด) เจ้าอาวาสวัดประดู่ ได้บรูณะปฎิสังขรณ์อุโบสถครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง คือ ซ่อมหลังคา ใส่ช่อฟ้า ใบระกา เปลี่ยนกระเบื้อง ฉาบปูนทาสีใหม่หมด
สำหรับบันไดทางขึ้นอุโบสถ คุณพร้อม ณ นคร ให้ช่างตกแต่งสร้างพญานาคทั้งหมด 8 ตัว เพื่อให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ที่หน้าบัณโบสถ์ให้ทำเป็นรูปดอกบัว อันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล ณ นคร อุโบสถวัดประดู่ จึงมีเอกลักษณ์เด่นสวยงาม เป็นของโบราณที่หาดูได้ยาก
บ่อน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเจ้าพระยานคร (น้อย) ได้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2385 เพื่อไว้ใช้น้ำในวันทำบุญ “เช็งเหม็ง” ประจำปี บ่อน้ำนี้ถูกทิ้งร้างอยู่นานร่วม 100 ปี ทางวัดกับโรงเรียนสุวรรณศิลป์วิทยา ซึ่งตั้งอยู่ในวัดนี้ด้วยได้รื้อและตกแต่งใหม่ในรูปเดิมใช้น้ำบริโภคได้ตามปกติ ปล้องบ่อน้ำทำด้วยหินเป็นรูปเหลี่ยมแน่นหนามาก ปัจจุบันบ่อน้ำนี้อยู่ในบริเวณปากประตูทางเข้าวัดแจ้ง
รูปปั้นพระเจ้าตาก ตั้งอยู่ด้านหน้าของวิหาร
เจดีย์ที่อยู่ในวัดประดู่พัฒนาราม เป็นเจดีย์ที่ระหว่างอุโบสถกับศาลาอัมพร เป็นการสร้างที่อยู่ระนาบเดียวกันตามแบบแผนภูมิของวัด โดยสร้างในปี พ.ศ. 2558 โดยพระศิริคณาจารย์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น โดยแบบเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ ฐานเจดีย์หรือปากระฆัง กว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร และมีเจดีย์บริวารอีก 4 องค์ (พระศิริคณาจารย์, 2558) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
- กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล. (2549). สัญลักษณ์ประกอบอำนาจและปริศนา? “เก๋งจีนพระเจ้าตาก”. https://mgronline.com/south/detail/9590000074970
- พระศิริคณาจารย์ (รั่น อาริโย ดิดสาคร). (2563). เมืองพระ ประวัติพระเจดีย์ วัดประดู่พัฒนาราม. สารนครศรีธรรมราช, 50(1), 11-16. https://arc.nstru.ac.th/resources/infographic/nakhon/journal/October63/511631.pdf
- วัดประดู่. (2542). สารนครศรีธรรมราช, 28(1), 1542.
- wikipedia.org, กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล และ ภูมิ จิระเดชวงศ์. (ม.ป.ป.). เก๋งพระเจ้าตาก (เก๋งจีนวัดประดู่พัฒนาราม) จ.นครศรีธรรมราช. https://www.nakhononline.com/23784/
- ศูนย์ข้อมูลกลางทางด้านศาสนา. (ม.ป.ป.). วัดประดู่พัฒนาราม. https://e-service.dra.go.th/place_page/18716
- เฉลียว เรืองเดช. (2542). ประดู่พัฒนาราม, วัด. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้. หน้า 4269-4270. มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
อาภรณ์ ไชยสุวรรณ
เรียบเรียงเนื้อหา
“ความตั้งใจและทุ่มเท ทำให้สิ่งที่ยากกลายสิ่งที่เราสามารถทำได้เสมอ”
นุรุณ จำปา
ถ่ายภาพ
“ไม่มีใครเก่งได้ภายในวันเดียว”
Visits: 1849