6 นิยายระทึกขวัญ ชวนขนหัวลุก

นิยายระทึกขวัญ

เมื่อเอ่ยถึง นิยายระทึกขวัญ หรือแนวสยองขวัญ หลายคนอาจจะไม่กล้าอ่าน หรือชอบอ่าน แต่อ่านในเวลาที่ไม่ต้องอยู่คนเเดียว คงนึกถึงเรื่องที่โด่งดัง และนึกถึง  ‘เชอร์ล็อก โฮล์มส์’ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี แต่จริง ๆ แล้วยังมีนิยายของนักเขียนหลากหลายคน หลายแนวที่มีเนื้อหาน่าดึงดูดและมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการสร้างอารมณ์ร่วมให้เกิดความกลัว ระทึกขวัญ  รวมไปถึงการดึงให้ผู้อ่านเข้าไปสู่ในเนื้อเรื่องให้คิดตาม  วันนี้ ชวนอ่าน ขอแนะนำนิยาย 6 เรื่องแนวระทึกขวัญ  มาให้เป็นทางเลือกของนักอ่านแนวนี้กัน เผื่อว่าอ่านแล้วจะทำให้คุณเดินไปเลือกซื้อหนังสือเหล่านี้เพราะอยากจะรู้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นใครก็เป็นไปได้ 

สิเน่หารอยคำ

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวงศ์ตะวันได้ค้นพบห้องลับในเรือนปั้นหยา ที่เขาซื้อมาพร้อมกับที่ดินเพื่อปรับปรุงเป็นโรงแรม เมื่อเขาเข้าไปในนั้นเขาก็พบกับสลุงเก่าโบราณจำนวนมาก และเมื่อเขาสัมผัสสลุงใบหนึ่ง… มันก็พาเขาย้อนอดีตไปได้รับรู้ถึงเรื่องราวชีวิตอันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าโหยหาความรัก ความแค้นของ”สล่า”ผู้ทำหน้าที่สลักเสลาลวดลายลงบนสลุงเหล่านั้น สล่าสาละวินที่เขาเคยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นผู้ชาย แต่จากภาพนิมิตที่เขาได้มองเห็นผ่านการสัมผัสสลุงนั้น สล่าคนนั้นกลับเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งจดจารเรื่องราวชีวิตอันรันทดของเธอผ่านลวดลายที่บุดุนลงบนสลุงเงินเหล่านั้น นับตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ติดตามมารดาหลีกหนีภัยสงคราม และความแร้นแค้นจากเมืองพม่ามายังล้านนา กว่าต้องสูญเสียมารดาในระหว่างทาง ด้วยน้ำมือของคนที่เธอวาดหวังไว้ใจความแค้นแน่นสุมในใจไร้ทางออกจนเบื้อใบ้…เดชะบุญที่ชะตาชีวิตเธอยังไม่เลวร้ายจนเกินไปนักเธอได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากมือเดียวกันกับที่ปลิดชีวิตแม่ของเธอนั่นเองด้วยการฝากฝังให้เธอได้รับการฝึกฝนฝีมือในการต้องลายสลุงจนกลายเป็นสล่าเลื่องชื่อ  สำหรับผู้อุปถัมภ์เธอนั้น เบื้องต้นเป็นเพียงความรู้สึกผิดและต้องการจะชดเชย ทว่าหากนานไปเมื่อเด็กหญิงเติบใหญ่ ความรู้สึกของเขาก็แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นความต้องการปกป้องดูแลชิดใกล้ไปจนตลอดชีวิตแต่เขาเป็นขัตติยะ มีสายเลือดแห่งเจ้าอยู่ในตัวทั้งยังมีคู่หมั้นคู่หมายที่มารดาเตรียมไว้ให้ไหนเลยจะสามารถครองคู่อยู่กินกับเด็กสาวที่มีฐานะต่ำต้อยน้อยค่าเช่นเธอได้  วงศ์ตะวันได้ติดตามภาพชีวิตเหล่านั้นจนจมดิ่งเข้าไปพัวพันความรู้สึกกลมกลืนประหนึ่งเป็นเรื่องราวของตัวเองกระนั้นที่สำคัญ…เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของคำสาปที่เป็นประหนึ่งบ่วงอันร้อยรัดให้ดวงวิญญาณสล่าสาวยังคงติดตรึงอยู่ในชาติภพนี้รอคอยแต่เขาเท่านั้นที่จะเป็นผู้ปลดปล่อย

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้เขียน : อาพัชรินทร์ สำนักพิมพ์ : Sofa Publishing หาอ่านได้จากห้องสมุด มวล.. ที่นี่ คลิกดูรายละเอียด คลิก link

ข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้เขียน : อาพัชรินทร์ สำนักพิมพ์ : Sofa Publishing หาอ่านได้จากห้องสมุด มวล.. ที่นี่ คลิกดูรายละเอียดที่หน้าปก

บ่วงสไบ

มนุษย์เราเกิดมาหาได้มีบุญวาสนาเท่าเทียมกันไม่ ดังเช่น ‘พุดจีบ’ ลูกของ ‘คุณหลวงนฤเดช’ ซึ่งมีทุกอย่างตามที่ใจปรารถนา ผิดกับ ‘แก้ว’ ลูกเมียทาสที่คุณหลวงหาได้ยอมรับไม่ ความลับที่ไม่เป็นความลับ  เป็นสาเหตุให้ ‘แม่อิ่ม’ แม่ของแก้วถูกเฆี่ยนจนตาย ลูกนางทาสเก็บความแค้นฝังใจ สักวันจะต้องได้ทุกอย่างมาเป็นของตน! เรื่องอัปรีย์บังเกิดเมื่อพุดจีบแอบลักลอบได้เสียกับ ‘นายมิ่ง’ ทาสชั้นต่ำ ซ้ำร้าย ‘คุณเทพ’ ลูกบุญธรรมที่เรียนจบมาจากเมืองนอกดันไปคว้าแก้วมาทำเมีย เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น สร้างความอับอายมาสู่ครอบครัว  จนเกิดโศกนากฎกรรม พุดจีบโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุนั้น ก่อนจะพบศพเธอใช้ผ้าสไบผูกคอตายที่ต้นจำปี  วิญญาณของเธอยังคงวนเวียน บ่วงความแค้นยังพันผูก รอคอยการ ‘สะสาง’ กูจักมิปล่อยวาง‘ความแค้น’ที่มึงสร้าง 

 

จักต้องทวงคืน!’ บ่วงรัก…ผักผูก…ปลูกเสน่หา บ่วงกรรม…ชักพา…มาชิดใกล้ บ่วงเวร…เร่งเร้า…ร้อนดั่งไฟ  ‘บ่วงสไบ’ ผูกเงื่อนตาย…ไว้ที่ ‘มึง!’

 

ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังฝังใจเธออยู่…ไม่มีวันลืมเลือน ภาพที่ผู้เป็นแม่ ถูกเฆี่ยนจนตัวตาย

ทั้งที่แม่ไม่ผิด แม่ถูกกระทำเพราะแม่เป็นแค่ทาสไร้ซึ้งอิสรภาพ และคนที่ทำร้ายแม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…  คุณหลวงผู้ได้ชื่อว่าเป็น “พ่อ” ของเธอ แก้วไม่เคยลืมความแค้นในครั้งนั้น มันทำให้เธอกลายเป็นนางทาสที่มีแต่ความเจ้าคิดเจ้าแค้น คิดแต่จะทำลายพี่สาวต่างมารดา…ลูกเมียหลวง ให้มันพบแต่ความฉิบหาย ครึ่งหนึ่งเธอก็มีสายเลือดของคุณหลวง แต่เธอกลับเป็นได้แค่ทาส!  หญิงสาวถือกำเนิด และเติบโตมาด้วยความรักของพ่อและแม่ เธอคือ คุณพุดจีบ ธิดาคนเดียวของ         คุณหลวงนฤเดช และ คุณเยื้อน เอกภริยา คุณพุดจีบผู้งามพร้อมซึ่งรูปและทรัพย์ ผู้เป็นกุลสตรีไทย ทว่ากลับทำเรื่องงามหน้าแก่ครอบครัว เมื่อดันปันใจไปรัก นายมิ่ง ทาสชั้นต่ำ คุณพุดจีบรักนายมิ่งมาก และนายมิ่งก็รักเธอมากเช่นกัน เธอไม่มีวันยอมให้อะไรมาทำลายความรักของเธอ แม้ว่าจะเป็นความรักที่ไม่เหมาะสมด้วยต่างชนชั้นก็ตามที แก้วเกลียดคุณพุดจีบ มันแย่งทุกอย่างไปจากเธอ แย่งพ่อ แย่งความสบาย และยังจะมาแย่งชายที่เธอหมายตาไปอีก ในเมื่อเธอไม่มีความสุข เธอก็จะทำทุกอย่างให้คุณพุดจีบไม่มีความสุขด้วยเช่นกัน !

หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงไม่คิดจะกลับมาสยามอีกต่อไป เขาคงเลือกที่จะอยู่รัสเซียต่อไป ใครจะทนเห็นหญิงสาวที่ตนหลงรัก เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่วันเยาว์ รอวันที่จะได้บอกรักเธอคนนั้น ทว่าวันนี้ เธอคนนั้นกลับไปรักกับไอ้ทาสชั้นต่ำเสียแล้ว คุณเทพ เสียใจมาก เรื่องยิ่งบานไปเข้าไปใหญ่ เมื่อเขาเองก็ทำเรื่องเสื่อมเสียด้วยการลักลอบได้เสียกับแก้ว

ความอัปรีย์ถือกำเนิดขึ้นในเรือนของคุณหลวงนฤเดช เจ้านายครองคู่กับทาส รู้ถึงไหนอายถึงนั่น คุณพุดจีบโทษตัวเองว่าเธอคือต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ที่ยากจะลืมเลือน อันนำมาซึ่งการจบชีวิตของเธอ… ใต้ต้นจำปี วิญญาณของคุณพุดจีบไม่มีวันเป็นสุข เธอรอวันที่จะได้แก้แค้นอ้ายอีสารเลวที่มันทำกับเธอ วิญญาณเธอถูกสะกดไว้ในผ้าสไบผืนนั้น…ด้วยแรงอาฆาต บ่วงกรรมถือกำเนิดขึ้น ด้วยบ่วงสไบ!

รถส่งตาย

มีพระทักมาว่าดวงตก “ธงชัย” แท็กซี่หนุ่มจึงจูงมือภรรยาไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ และแม้ว่าจะยังรู้สึกไม่สบายใจ แต่ด้วยความจนและยังต้องกินต้องใช้ ผู้เป็นภรรยาเองก็เป็นกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส อย่างที่พระท่านว่า แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ เขาก็ต้องออกไปขับรถแท็กซี่ตอนดึกเพื่อหารายได้ตามปกติ ในคืนนั้น        เขาได้พบกับผู้โดยสารสาวแสนสวย หลังจากที่ฟังเรื่องเล่าวิญญาณจากธงชัยแก้ง่วง เธอก็ขอเล่า “เรื่องหลอน” บ้าง         ชายหนุ่มได้ฟังเรื่องราวของ “ศริญญา” หญิงสาวที่มีโชคชะตาไม่ราบรื่นนัก แต่ยิ่งรับรู้เรื่องราวชีวิตของของเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจมากขึ้น การตายของศริญญาเหมือนมีปริศนาที่ซ่อนเร้นอยู่ บาปกรรมจากการที่ไม่รู้จักกับคำว่า “กตัญญู” สุดท้ายมันจะทำให้ชีวิตต้องตกเข้าสู่ “นรก!” ไม่มีวันแก้ตัว…ไม่มีทางล้างกรรม…มีแต่การชดใช้!

ข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้เขียน : ก้าวไกล สำนักพิมพ์ : Sofa Publishing หาอ่านได้จากห้องสมุด มวล.. ที่นี่ คลิกดูรายละเอียดที่หน้าปก

หุบผาเจ้านาง

หุบ เขาฝังอดีตครั้ง ชีพวาย

ผา เพ่งธาราพราย สาบร่ำ

เจ้า ดรุณีพี่น้องกลาย หาญหัก

นาง ผูกจิตเพียรใจพร่ำ หลุดพ้นมนตรา

 

         อำนาจ ความรัก และความแค้น บันดาลให้เจ้าฟ้าและเจ้านางแห่งนครเชียงอินทร์ต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์อันแสนทรมาน เมื่อกาลเวลาผันผ่าน กงล้อแห่งกรรมหมุนมาบรรจบ ย่อมเป็นเวลาอันเหมาะสมอันมควรที่จะชำระแค้น “คนทรยศ”! ด้วยความสละสลวยทางภาษา…..ความละเมียดของเรื่องราวที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมชาวเหนือพร้อมกับคติธรรมสอนใจบนหุบผาสูงชันแห่งนี้มีตำนานขับขาน ครั้งหนึ่งเคยเป็นแดนประหารเจ้าหญิงผู้มีจิตวิปริตเกินมนุษย์ ผู้คนต่างขนามนานสถานแห่งนี้ว่า “หุบผาเจ้านาง” หลังอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เอื้องผึ้ง สูญเสียพ่อแม่ สูญสิ้นทุกสิ่ง 

        รามแสง เจ้าของคุ้มเชียงอินทร์ ผู้รักเอื้องผึ้งดุจน้องสาวอาสาให้ที่พักพิง ส่วนนราธิปพ่อเลี้ยงหนุ่มทรงอำนาจหยิบยื่นน้ำใจด้วยการรักษาที่ดินของเธอไว้ ระหว่างพักอยู่ ณ คุ้มโบราณ ทั้งรามแสงและเอื้องผึ้งรู้ว่าใครบางคนกำลังเฝ้าคอยทุกค่ำคืน ช้างพลายลึกลับในป่าจะแผดร้อนโหยหวานดังเพรียกหาเล่าลือกันว่ามันคือพลายงาดำอายุร้อยปี ซึ่งมีสางชั่วร้ายคอยคุ้มครอง บางครั้งจะได้ยินเสียงพิณเปี้ยะแผ่วมาพร้อมเสียงรำพึงแสนเสร้าของบุรุษผู้หญิง    เอื้องผึ้งไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า หุบผาสูงชัน ช้างพลายงาดำ เสียงพิณเปี๊ยะ และสางร้ายได้พันธนาการวิญญาณมืดดำของใครบองคนไว้กับความเครียดแค้น ดวงวิญญาณที่อัดแน่นด้วยเพลิงร้อนแห่งความชิงชังจนขนลุกชัน!

ข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้เขียน : มายาโรส สำนักพิมพ์ : ทรีบีส์ หาอ่านได้จากห้องสมุด มวล.. ที่นี่ คลิกดูรายละเอียดที่หน้าปก

เงาพราย

“แก้วเก้า” ผู้ประพันธ์ “เงาพราย” ได้นำผู้อ่านไปสู่โลกของความเร้นลับ ระทึกขวัญ โดยมีชีวิตของตัวละครทั้งหลายเป็นเดิมพัน และสะท้อนให้เห็นถึงกิเลสในใจมนุษย์ไม่ว่ายุคสมัยใด ความโลภและความไม่รู้จักพอ      ก็ยังมีชัย ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้จักการเสียสละ ไม่รู้จักการให้ด้วยความเมตตา และให้อภัย…สุดท้าย การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้ธรรมะ หรือธรรมทานแก่เพื่อนมนุษย์นั่นเอง “เงาพราย” จึงเป็นอุทาหรณ์อย่างดีสำหรับบุคคลที่กำลังแสวงหาความหมายของชีวิต

ศักยะหรือตั้นติดตามแม่ไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เขาเป็นคนจับจด เรียนหนังสือก็ไม่จบ ทำงานก็ไม่เอาจริงเอาจัง จนมักจะมีปัญหากับพ่อเลี้ยงอยู่เสมอ ๆ จู่ ๆ เขาก็ได้รับส้มหล่น เมื่อคุณปู่ของเขาซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณหลวงได้ถึงแก่กรรมลง และยกมรดกเป็นบ้านโบราณหลังใหญ่ให้กับเขา เขาจึงเดินทางกลับเมืองไทย เพื่อมาจัดการกับมรดกดังกล่าว ในพินัยกรรมของคุณปู่มีคำสั่งที่แปลกในความรู้สึกของศักยะ  นั่นคือมีของขลังจำนวนหนึ่งที่คุณปู่สั่งให้เขานำไปถ่วงน้ำ ซึ่งก่อให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นแก่เขาเป็นอันมาก  และในจังหวะที่ตาจอน คนเก่าคนแก่ของคุณปู่เผลอเขาก็สำรวจของขลังนั้น และแอบหยิบโถใบเล็กใบหนึ่งไว้เพราะเห็นว่าเป็นของเก่า น่าจะมีค่า…ส่วนของอื่น ๆ ก็นำไปทิ้งน้ำตามคำสั่งเสียของคุณปู่ นั่นจึงเป็นที่มาของเจ้าพราย…ซึ่งถูกปลดปล่อยด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของศักยะเอง…

 

“พราย” แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้ศักยะเห็นว่ามันสามารถดลบันดาลสิ่งที่เขาต้องการได้โดยง่าย…
จากตอนแรกที่รู้สึกกลัว ในตอนหลังเขากลับรู้สึกลำพองและย่ามใจ… ศักยะไม่มีความรู้เรื่องของโบราณนัก 

เขาจึงติดต่อเพื่อนสมัยเรียนมัธยม เขานึกถึงรัชต์เพราะเคยสนิทสนมกันและเสมอต้นเสมอปลายกับเขามาตลอด เมื่อไปเห็นบ้านของรัชต์ และได้พบกันแล้ว… วูบหนึ่งศักยะนึกริษยาความร่ำรวยและหน้าที่การงานของรัชต์  ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกสนใจในตัวเพื่อนหญิงของรัชต์-พิมพ์พัสตราทันทีที่พบหน้า รัชต์เห็นบ้านเก่าของศักยะก็ถูกใจ จึงขอเช่าเพื่อทำเป็นสำนักงานบริษัทรับออกแบบของเขา ซึ่งศักยะก็ตกลงเพราะเขาเองแม้จะเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่แต่ก็ไม่มีเงินพอที่จะบำรุงรักษา… แม้ตาจอนจะคัดค้านอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง รัชต์มีผู้ช่วยสาวคนหนึ่ง คือเรน…  ซึ่งทำงานเก่งและปราดเปรียว เมื่อสืบสาวกันไปมาปรากฏว่าเรนเป็นหลานสาวของ นายเลิศ ปัญจาวร ซึ่งเป็นน้องชายของ นายลพ ปัญจาวร เพื่อนสนิทของคุณปู่ที่ถูกระบุชื่อเป็นผู้รับมรดกส่วนหนึ่งในพินัยกรรมของคุณปู่…

ศักยะเข้าทำงานในบริษัทของรัชต์ และด้วยการช่วยเหลือของเจ้าพราย งานในหน้าที่ของเขาราบรื่นและประสบความสำเร็จอย่างสูง นั่นจึงเพิ่มความทะเยอทะยานอยากให้กับเขาไม่มีที่สิ้นสุด แต่ศักยะไม่รู้สึกตัวเลยว่า  ในการ “ช่วย” เขาแต่ละครั้ง เจ้าพรายต้องได้รับสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ… ซึ่งสิ่งแลกเปลี่ยนนั้นก็คือชีวิตของใครก็ตามที่อยู่ในแวดวงชีวิตของเขานั่นเอง….

เคหาสน์เทวทูต

สิบศพ เรื่องราวของวิญญาณที่ ‘นอนตายตาไม่หลับ’จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขา ‘ลุกขึ้นมา’ เพื่อที่จะบอกว่าตัวเองตายยังไง…และอะไรที่พวกเขาต้องการ ‘ทวงคืน’ ศพที่ 4 Fallen Angel เคหาสน์เทวทูต

ตำนานปรัมปราเล่าว่าเทพบุตรลูซิเฟอร์หันหน้าเข้าสู่ความมืด เขาและเหล่าสาวกจึงถูกขับออกจากสรวงสวรรค์ เล่ากันว่าหากขายดวงวิญญาณ มอบแด่เทวทูตปีกหัก หญิงงามร้างรักจะได้ความลุ่มหลงมากอดก่าย  นักโทษเดียวดายจะได้ยลแสงตะวันฉาย คีตกรผู้แพ้พ่ายจะได้พรสวรรค์แห่งเสียงเพลง ‘อินทุอร’ นักไวโอลินสาวผู้โด่งดัง ได้รับการว่าจ้างจาก ‘เทวกร’ เศรษฐีป่วยหนักขอให้เธอไปขับกล่อมบทเพลงที่บ้านเขาหนึ่งเดือนด้วยความมีน้ำใจของเขา เธอมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ลึกลับซ่อนเร้น ที่นี่…เงามรณะจากอดีตส่งเสียงเรียกขานต้อนรับบทเพลงที่วิญญาณเป็นผู้เขียน…บรรเลงขึ้นอีกครั้ง และสตรีผู้หลับใหลในภาพถ่าย…กลับตื่นฟื้นคืน!

ตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าได้สร้างเทพบุตรขึ้นมานามว่า ลูซิเฟอร์ ผู้ที่มีรูปโฉมงดงามกว่าผู้ใด และเปรียบเขาให้เป็นบุตรของพระอาทิตย์ แต่พระเจ้าก็ได้สร้างมนุษย์ที่มีรูปโฉมแบบเขาขึ้นมาเช่นกัน และได้เป็นถึงบุตรของพระเจ้า ลูซิเฟอร์รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมที่เขามีฐานะเป็นแค่เพียงผู้รับใช้ ต่างจากมนุษย์ที่ได้เป็นถึงบุตรของพระเจ้า เขาจึงรวบรวมเทวทูตเพื่อก่อกบฏ แต่เขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จึงโดนเนรเทศจากสวรรค์ เขากลายเป็นเทวทูตตกสวรรค์ชั่วพริบตา ว่ากันว่าความงดงามของเขาได้เปลี่ยนมาเป็นปีศาจร้ายที่น่าอัปลักษณ์ มีปีกสีดำเหมือนค้างคาว กลายเป็นซาตานในที่สุด เทวทูตเหล่านี้มีความสามารถทางดนตรีเป็นที่สุด เพราะพระเจ้าสร้างพวกเขามาเพื่อเล่นดนตรีโดยเฉพาะ พวกนักดนตรีจึงมีความเชื่อว่าหากขายวิญญาณเพื่อแลกกับพรอันมหัศจรรย์ในทางดนตรี ก็จะทำให้พวกเขาโด่งดัง มีชื่อเสียง ฝีมือหาใครเทียมได้ นี่จึงเป็นที่มาของลัทธิบูชาซาตาน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้เขียน : มายาโรส สำนักพิมพ์ : Sofa Publishing หาอ่านได้จากห้องสมุด มวล.. ที่นี่ คลิกดูรายละเอียดที่หน้าปก

นิยายระทึกขวัญ 6 เรื่องที่คัดสรรมาให้ล้วนแต่ให้ความรู้สึกสยองขวัญ ชวนขนหัวลุกทั้งสิ้น ไม่ว่า สิเน่หารอยคำ  บ่วงสไบ รถส่งตาย หุบผ้าเจ้านาง เงาพราย และเคหาสถ์เทวทูต อ่านแล้วกลัว อ่านแล้วไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่กล้าอาบน้ำคนเดียว และไม่อีกหลายอย่าง แต่หนังสือแนว นิยายระทึกขวัญ เมื่อเราได้ดูแล้วถึงแม้ว่าจะน่าขนหัวลุก แต่เราอยากติดตามจนจบอยู่ดี ถือได้ว่าเสน่ห์ของนิยายแนวนี้ก็อยู่ที่ยิ่งสยองชวัญเท่าไหร่ การชวนติดตามก็มากขึ้นไปด้วย เรียกได้ว่ากลัวไป ดูไปไม่หยุดหย่อนได้เหมือนกัน

ข้อมูลอ้างอิง

ก้าวไกล. (2556). รถส่งตาย = Taxi. กรุงเทพฯ : ก้าวกระโดด.

แก้วเก้า และ วินิตา ดิถียนต์. (2553). เงาพราย (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : ทรีบีส์.

ภาคินัย. (2557). บ่วงสไบ. กรุงเทพฯ : ก้าวกระโดด.

มายาโรส. (2557). หุบผาเจ้านาง. กรุงเทพฯ : ก้าวกระโดด.

มายาโรส. (2556). เคหาสน์เทวทูต Fallen Angel. กรุงเทพฯ : ก้าวกระโดด.

อาพัชรินทร์. (2557). สิเน่หารอยคำ. กรุงเทพฯ : ก้าวกระโดด.

เจ้าของเรื่อง

นางสาวพิมพ์ลภัทร  ทะสะระ

นางสาวพิมพ์ลภัทร ทะสะระ

มหาวิทยาลัยทักษิณ

นางสาวอัญยาภรณ์  คชปักษี

นางสาวอัญยาภรณ์ คชปักษี

มหาวิทยาลัยทักษิณ

jref

Hits: 97

หากบทความนี้มีประโยชน์ ช่วยกดแชร์ด้วยนะคะ

Facebook Comments

facebook comments

Back To Top