Death Cleaning สุดท้ายก็ต้องทิ้ง
สองป้าชวนอ่าน📖
Death Cleaning สุดท้ายก็ต้องทิ้ง
ในสวีเดนมีแนวคิด Death Cleaning คือการเก็บกวาด กำจัดข้าวของที่ไม่จำเป็น และใช้ชีวิตให้เล็กลง เพราะใครจะรู้ว่าข้าวของที่เราอยากเก็บ อยากซ่อน อยากให้ หรือ อยากทิ้ง วันหนึ่งถ้าเราไม่อยู่แล้วจะกลายเป็นภาระของใคร
Death Cleaning เป็นหนังสือขายดีที่ตีพิมพ์ทั่วโลกของมาร์การีตา แมกนัสสัน ศิลปินนักวาดภาพชาวสวีเดน วัย 80 กว่า ผู้ผ่านประสบการณ์ย้ายบ้านมาแล้ว 17 ครั้งทั้งในและนอกประเทศ และเก็บกวาด Death Cleaning ของคนใกล้ชิดอีกหลายครั้ง ครั้งแรกคือเมื่อต้องไปเก็บกวาดอพาร์ตเมนท์ของพ่อกับแม่หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต
ระหว่างทำเธอก็พบว่าแม่ได้วางแผนสำหรับสิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นแล้วหลังจากที่แม่จากไป มีทั้งข้อความเขียนแปะบอกบนสิ่งของต่างๆ ว่าจะทำอย่างไร ของบางอย่างยกให้การกุศล หนังสือบางเล่มส่งคืนเจ้าของ ฯลฯ แม่ของเธอเก็บกวาดเดธคลีนนิ่งเองบางส่วน
“เราควรจะรับผิดชอบสิ่งของของตัวเองอย่างไร คนที่เรารักถึงจะไม่ลำบากเมื่อเราจากไป”
และนี่เป็นบางส่วนคำแนะนำเของคุณยายมาร์การีตา แมกนัสสัน ผู้เตรียมการและจัดการ Death Cleaning ของตัวเองแล้ว
🖊เริ่มจากบอกคนที่คุณรักและเพื่อนๆให้รู้ว่า กำลังทำ Death Cleaning อยู่ ซึ่งพวกเขาอาจอยากช่วยเราและรับของที่เราไม่ได้ใช้ ไม่ต้องการไปด้วย
•อย่าเริ่มต้นการเก็บกวาดที่ภาพถ่าย หรือจดหมายส่วนตัว เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยของพวกนี้ เราจะติดอยู่กับความทรงจำและไม่มีทางหลุดมาเก็บกวาดสิ่งของอื่นๆ ได้ง่ายๆ
•ให้เริ่มต้นจากของชิ้นใหญ่ๆ ในบ้านก่อน และปิดท้ายด้วยของชิ้นเล็ก
•จัดกลุ่มและแยกทิ้ง ให้เลือกสิ่งของที่คิดว่าจัดการได้ง่ายก่อน ประเภทง่ายคือของที่มีเยอะและไม่ได้มีความผูกพันทางอารมณ์ความรู้สึกมากมาย อย่างคุณยายมาร์การีตา แมกนัสสัน เลือกเริ่มต้นจากเสื้อผ้าก่อน โดยแบ่งเสื้อผ้าเป็น 2 กอง
กองที่ 1 เสื้อผ้าที่อยากเก็บไว้ คือเป็นเสื้อผ้าที่รู้สึกอยากจะใส่จริงๆ หรือเป็นชิ้นที่เรามีความผูกพันทางอารมณ์อย่างแนบแน่น เลือกเก็บชิ้นที่สามารถเอามาใส่แบบมิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่าย
กองที่ 2 เสื้อผ้าที่อยากกำจัด และนำไปส่งต่อให้คนอื่น หรือบริจาค
•สำหรับคนที่ชอบอ่านและสะสมหนังสือ คุณยายแนะนำให้เราชวนคนในครอบครัวและเพื่อนๆ มาเลือกดูหนังสือ และให้พวกเขาเอากลับบ้านไปได้ตามใจ ให้เลือกแต่เล่มที่เรายังไม่ได้อ่านหรือเล่มที่ชอบหยิบมาอ่านบ่อยๆ เก็บไว้ก็พอ และถ้าแถวบ้านมีตลาดนัดขายหนังสือก็เอาหนังสือเราเอาไปวางขายที่นั่นแหละ
•เมื่ออยากจะกำจัดของสะสมที่มีอยู่และดูเหมือนว่าคนในครอบครัวจะไม่ต้องการมันแล้ว คำแนะนำคือให้ติอต่อโรงประมูล ถ้าพวกเขาไม่สนใจ ค่อยลองหาคนซื้อทางอินเตอร์เนต
•ว่าด้วยภาพถ่าย คุณยายมาร์การีตา แมกนัสสัน มีภาพเป็นฟิล์มสไลด์จำนวนมาก เธอจัดการซื้อเครื่องสแกนฟิล์มมาสแกนภาพ แล้วจัดการให้เป็นหมวดหมู่ และย้ายรูปถ่ายที่ต้องการจะแบ่งปันกับคนอื่นๆมาใส่ในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ใส่ไฟล์ภาพลงใน USB เก็บความทรงจำเป็นของขวัญให้คนในครอบครัว
•สำหรับของสำคัญที่ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ยากลืมเลือน เช่นจดหมายรักเก่าๆ บันทึกการท่องเที่ยว ดอกไม้แห้ง เปลือกหอยสวยๆ ให้หากล่องเล็กๆขนาดเท่ากล่องรองเท้ามาใส่ของพวกนี้ไว้ ของที่ไม่มีคุณค่าสำหรับคนอื่นเลย แต่มีค่ามหาศาลสำหรับเรา เป็นกล่องส่วนตัวที่ถ้าวันใดวันหนึ่งเราจากไปแล้ว คนที่เหลืออยู่จะสามารถนำมันไปทิ้งได้
อ่านเล่มนี้จบ ป้าก็เริ่มตระหนักถึงข้าวของสมบัติบ้าที่เก็บไว้เต็มบ้าน ถึงแม้ป้าอายุยังไม่ใกล้ถึงวัย 80 เหมือนคุณคุณยายมาร์การีตา แมกนัสสัน แต่ก็คิดถึงสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างแน่นอน นั่นคือความตาย ซึ่งหนังสือเล่มนี้บอกเราว่า
ยิ่งเรากล้าคิดถึงมัน เราจะยิ่งอยากทำสิ่งที่จะยกระดับความสุขและคุณภาพชีวิตของเราในทุกๆวันที่มีชีวิตอยู่
อยากยกระดับความสุข มาทำชีวิตให้เล็กลงกันดีกว่า