ชวนอ่าน หนังสือชุด “บ้านเล็กในป่าใหญ่” เมื่อเราอ่านหนังสือชุดนี้ จะทำให้เราทราบถึงการดำเนินชีวิตของชาวอเมริกันในช่วงที่ผ่านมา ระหว่างปี 2473 ที่ได้ต่อสู้กับธรรมชาติและความลำบากยากแค้นมาด้วยความมานะอดทนเพียงไร ก่อนที่บ้านเมืองของเขาจะเจริญรุ่งเรืองจะเป็นประเทศมหาอำนาจในปัจจุบันนี้ และชั่วระยะเวลาเพียง 80 ปีเศษเท่านั้นเอง รัฐวิสคอนซิน Wisconsin ที่เคยเป็นป่าเปลี่ยวเป็นดินแดนของสิงสาราสัตวฺ ได้กลับกลายเป็นบ้านเมืองซึ่งพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายที่เกิดจากอำนาจของวิทยาศาสตร์ โดยการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการบุกเบิกอเมริกาผ่านครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง ที่มีเด็กหญิงตัวเล็กๆ ซึ่งก็คือตัวผู้เขียนเองได้บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เราจะได้เห็นความวิริยะอุตสาหะ ความอดทน ความเพียรเป็นอย่างมาก ครอบครัวเล็กๆ แห่งนี้ต้องย้ายบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อแสวงหาโอกาสที่ดี กว่าครอบครัวเล็กๆ จะผ่านความยากลำบากมาได้ก็เป็นเวลาหลายปี ได้เห็นการเติบโตของอเมริกาว่ามีรากฐานอย่างไร กว่าจะมายิ่งใหญ่อย่างในวันนี้

บ้านเล็กในป่าใหญ่ : อ่านหนังสือกัน 10 เล่ม 1 ชุด

เล่ม 1 : บ้านเล็กในป่าใหญ่
บ้านเล็กในป่าใหญ่ เป็นเรื่องราวของครอบครัวเล็กๆ ที่มีพ่อ แม่ พี่เมรี่ ลอร่า และน้องแครี่ บ้านเล็กสีเทาทำด้วยไม้ซุงทั้งต้น อยู่ในป่าใหญ่ของรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา รอบบ้านมีแต่ต้นไม้ใหญ่ ไกลออกไปก็ยิ่งมีต้นไม้หนาแน่น คนที่เดินทางไปทางทิศเหนือ เดินไปตลอดทั้งวันหรือทั้งอาทิตย์แม้จนตลอดเดือน ก็ยังไม่พ้นเขตป่า เขาจะไม่พบอะไรเลย ไม่มีบ้าน ไม่มีถนน ไม่มีผู้คน มีแต่ต้นไม้กับสัตว์ป่า การใช้ชีวิตในบ้านเล็ก มีสัตว์ป่าเป็นอาหาร ฤดูหนาว ที่มีหิมะสูงเป็นเมตร ครอบครัวนี้มีความสุขมากมายในบ้านเล็ก

เล่ม 2 : บ้านเล็กในทุ่งกว้าง
เล่าถึงครอบครัวของลอร่า ที่อพยพออกมาจากป่าใหญ่ ไปอยู่ในทุ่งกว้างดินแดนของพวกอินเดียแดง ที่รัฐแคนซัส พ่อบอกว่าในป่าใหญ่ มีคนอพยพมาอยู่มากเกินไปแล้ว แต่ชีวิตใหม่ในทุ่งกว้าง มีเรื่องราวมากมายในคืนอันเงียบสงัดของทุ่งกว้าง ภายใต้ความกลัวก็มีความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวได้อย่างน่าประทับใจ ครอบครัวของลอร่าใช้ชีวิตในทุ่งกว้าง ได้ปีเดียวก็อพยพกันต่อ

เล่ม 3 : เด็กชายชาวนา
เป็นเรื่องของแอลแมนโซ ไวเดอร์ในวัยเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในรัฐนิวยอกร์ก เป็นชีวิตที่สนุกสนานและยากลำบากไปด้วย แอลแมนโซไปเรียนหนังสือ แล้วต้องช่วยพ่อปลูกข้าว ปลูกพืชผัก เลี้ยงวัว เลี้ยงแกะ ไปทำงานรับจ้าง แต่ก็มีเวลาที่จะเล่นสนุกกับเพื่อน เรื่องราวของเด็กชายกับพี่ชายอีก 3 คน มีเรื่องราวที่น่าประทับใจของการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอเพียง เด็กชายแอลแมนโซ คือสามีของลอร่า

เล่ม 4 : บ้านเล็กริมห้วย
เล่าเรื่องครอบครัวของลอร่า ได้อพยพด้วยเกวียนอีกครั้งหนึ่ง มาที่มลรัฐมินนิโซตา เป็นการเดินทางไกลมิใช่น้อย บ้านหลังใหม่เป็นบ้านใต้ดิน อยู่ติดริมห้วย พ่อบอกว่า ที่นี่เป็นอู่ข้าวสาลี ข้าวสาลียังไม่ทันเก็บเกี่ยว พ่อก็ไปเอาไม้กระดานมาจากในเมือง ค่อยชำระเงินเมื่อขายข้าว บ้านไม้สวยงามและดูแข็งแรง มีพื้นไม้เป็นกระดาน มีหน้าต่างเป็นกระจก และที่นี่เอง ลอร่าและแมรี่ ได้ไปโรงเรียน ได้เรียนหนังสือ

เล่ม 5 : ริมทะเลสาบสีเงิน
เรื่องเริ่มต้นในวันที่สมาชิกในบ้านป่วยเป็นไข้อีดำอีแดงเกือบทุกคน คือแม่ แมรี่ น้องแครี่ และมีน้องเกรซ น้องคนสุดท้องเพิ่มมาอีกคน เหลือเพียงลอร่ากับพ่อที่เป็นกำลังหลักของบ้าน ไข้อีดำอีแดงนี้ทำให้ตาของแมรี่บอดไป แถมเธอยังต้องโกนผมจนเหมือนเด็กผู้ชายด้วย เป็นการเปิดเรื่องที่ช่างสลดหดหู่เหลือเกิน
ครอบครัวอิงกัลล์ส เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ยิ่งอ่าน เราก็ยิ่งผูกพันกับตัวละครในครอบครัวนี้ ได้แต่ช่วยลุ้นในใจว่า เมื่อไรพวกเขาจะได้พบเจอกับสิ่งที่ดีๆ บ้างสักที
แล้ววันหนึ่ง อาดอเซียก็มาเยี่ยมถึงบ้าน (อาดอเซียเคยปรากฏตัวในเล่มแรกก่อนการอพยพครั้งแรก) อาไฮ สามีของอาดอเซียเป็นผู้รับเหมาสร้างทางรถไฟ และตอนนี้เขากำลังต้องการคนไปช่วยงาน เงินเดือนดีมาก ติดอยู่แต่เพียงว่าครอบครัวอิงกัลล์ส จะต้องย้ายบ้านอีกครั้ง!
การอพยพโยกย้ายในครั้งนี้ แตกต่างกว่าครั้งอื่นๆ อยู่หน่อย
ตรงที่พ่อจะต้องขับเกวียนขนของไปก่อนรอบหนึ่ง จากนั้น แม่และลูกๆ ที่เหลือจะซื้อตั๋วรถไฟขึ้นตามไป มันเป็นการนั่งรถไฟครั้งแรกของเด็กๆ ทุกคน แต่มันกลายเป็นความน่ากลัวมากกว่าตื่นเต้น (รถไฟในยุคแรกเริ่มยังดูไม่ปลอดภัยเท่ากับในยุคนี้เท่าไรนัก)

เล่ม 6 : ฤดูหนาวอันแสนนาน
บรรยายความรู้สึกในฤดูหนาวอันยาวนาน และปีนี้เป็นปีแรกที่ทุกคนได้มาอยู่ที่ทุ่งกว้างกลางที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของครอบครัว พวกเขามีเวลาเตรียมการไม่นานนักก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ยังเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่เต็มที่ บ้านก็ยังสร้างเอาไว้ไม่แข็งแรงพอ แต่แล้วปีแรก ก็กลายเป็นปีที่มีฤดูหนาวยาวนานกว่าปีอื่นๆ เป็นปีที่มีฤดูหนาวที่โหดร้ายทารุณที่สุดในรอบ 21 ปี มันเป็นฤดูหนาวที่ยาวนานและสร้างความทรมานได้ดีจริงๆ
แต่ครอบครัวนี้ก็รอดพ้นมันมาได้ สมาชิกของคนในเมืองนี้ที่เพิ่งมาตั้งรกรากกันที่เมืองใหม่ (แผ่นดินดาโกต้า) ส่วนมากจะเป็นคนโสด หรือพี่น้อง หรือคู่สามีภรรยาแต่งงานใหม่ แบบที่เป็นครอบครัวใหญ่แบบครอบครัวอิงกัลล์สนี้มีไม่มาก ครอบครัวใหญ่ จึงเป็นครอบครัวที่ต้องบริหารทรัพยากรที่่มีอยู่จำกัด ให้ผ่านพ้นฤดูหนาวอันแสนนานนี้ไปให้ได้ โชคดีที่สมาชิกทุกคนในครอบครัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกเขาจะต้องพลิกแพลงกันทุกวิธี เพื่อที่จะอยู่รอดให้ได้ท่ามกลางพายุหิมะและฤดูหนาวอันยาวนาน

เล่ม 7 : เมืองเล็กในทุ่งกว้าง
พบกับเรื่องราวของ “ลอร่า อิงกัลล์ส” เด็กหญิงตัวน้อย ที่เติบโตขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของเธอลงในหนังสือกระท่อมน้อย ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1870 กลางป่าลึกแห่งมลรัฐวิสคอนซิล ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งเต็มไปด้วยฝูงสุนัขป่า เสือดำ และหมี และที่ตรงนั้นเอง หนูน้อยลอร่าได้อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ แมรี่ พี่สาว และแครี่ น้องสาววัยแบเบาะของเธอ ในกระท่อมไม้ซุงหลังน้อย ที่อบอุ่นสบาย พ่อเข้าป่าล่าสัตว์ ส่วนแม่ทำเนยและชีส รับประทานกันเอง ตลอดคืนอันยาวนาน แม้สายลมหนาว จะโบกโบย ส่งความรู้สึกเศร้าสร้อยเพียงใด พ่อก็ยังคงขับกล่อมด้วยบทเพลงจากไวโอลินตัวน้อย เพื่อให้ทุกคนอบอุ่นใจและมีความสุข

เล่ม 8 : ปีทองอันแสนสุข
หนังสือเล่มสุดท้ายในชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ บรรยายเรื่องราวพัฒนาการความรักระหว่างลอร่าและอะแมนโซ่ที่ทำให้อมยิ้มได้ตลอดทั้งเรื่อง สนุกสนานไปกับความวุ่นวายเล็ก ๆ ในการจัดพิธีแต่งงานอย่างเร่งด่วน เรียนรู้วัฒนธรรมการออกเรือนของหนุ่มสาวอเมริกันในยุคบุกเบิกสร้างบ้านสร้างเมือง
……แล้วขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกลับขอบฟ้า พ่อก็เล่นเพลงเก่า ๆ ที่ลอร่าเคยได้ยินมาตั้งแต่จำความได้ ซอดังเป็นเพลงซึ่งลอร่าเคยได้ฟังในป่าใหญ่ มลรัฐวิสคอนซิน แล้วก็ถึงทำนองที่พ่อเคยสีเล่นอยู่ข้างกองไฟกลางทุ่งกว้าง ที่แคนซัส มันทำเสียงโอดครวญเลียนเสียงนกไนติงเกลที่ร้องเพลงกลางแสงจันทร์อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเวอร์ดิกริส ทำให้หวนนึกถึงวันเวลาในบ้านโพรงดินริมลำห้วยพลัมครีกและตอนค่ำในฤดูหนาวที่ในบ้านใหม่ซึ่งพ่อสร้างขึ้นที่นั่น แล้วซอก็ครวญเพลง ที่พ่อเคยเล่นในตอนคริสต์มาสที่ริมทะเลสาบสีเงิน และฤดูใบไม้ผลิหลังฤดูหนาวครั้งที่นานแสนนานครั้งนั้น ครั้นแล้วซอก็บรรเลงทำนองที่แสนจะไพเราะและเสียงลึกทุ้ม ๆ ของพ่อก็ประสานขึ้นมาเป็นเพลงรัก…

เล่ม 9 : สี่ปีแรก
เล่าเรื่องราวถึงความลำบากของลอร่ากับแอลแมนโซ ไวล์เดอร์ ในปีแรกๆ ของชีวิตสมรส และมีเรื่องการเกิดของโร้ส บุตรสาวของลอร่ากับแอลแมนโซ “คุณลองพยายามดูสักสามปีเป็นยังไง พอถึงตอนนั้นแล้ว ถ้าผมทำงานไม่ได้ผล ผมจะเลิกทำนา ไปทำงานอะไรก็ได้ที่คุณอยากให้ผมทำ ผมสัญญาว่าพอครบสามปีแล้วและผมทำไม่สำเร็จจนคุณไม่อยากจะให้ทำต่อไปอีกผมจะทิ้งไร่ทิ้งนาไปทำงานอื่น ลอร่ายอมตกลงว่าจะลองพยายามดูสามปี เธอชอบม้าและชอบอิสระ ชอบความกว้างใหญ่ไพศาลของทุ่งกว้างซึ่งมีสายลมพัดต้นหญ้าสูง ๆ ในหนองให้โบกยวบยาบ ๆ อยู่ตลอดเวลา ที่ดินสองแปล แปลงละร้อยหกสิบเอเคอร์ ซึ่งดินดำดีมีโอชะอุดมสมบูรณ์ก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาทั้งสอง เพราะแมนลี่ได้พิสูจน์ให้เห็นความเข้มแข็งอดทนของเขาแล้ว”

เล่ม 10 : ตามทางสู่เหย้า
เล่าเรื่องราวในชีวิตของลอร่าและครอบครัวของเธอ ในขณะที่ครอบครัวของเธอเริ่มสร้างบ้านใหม่ หลังจากที่พวกเขาได้ชำระหนี้สินที่จำนองที่ดินเขาไว้เรียบร้อยแล้ว “…เมื่อชำระหนี้สินที่จำนองที่ดินเขาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็อีกราวสองสามปีเท่านั้นเอง แม่บอก และเมื่อสวนผลไม้ออกลูก และถ้าผลไม้ได้ราคาดี ถึงตอนนั้นเราก็คงจะล้อมรั้วรอบที่ดีของเราด้วยลวดหนาม แล้วสร้างโรงนาใหม่ขึ้นตอนนั้นเราก็คงจะมีวัวมีม้าหลายตัวแล้ว และหลังจากนั้นเราจึงจะสร้างบ้านใหม่ แม่ตื่นจากฝันด้วยอาการสะดุ้ง แล้วร้องต๊ายตาย! เป็นเวลาทำงานตอนเย็นแล้ว! เมื่อฉันโปรยข้าวโพดให้ไก่ ตักน้ำจากน้ำพุมาเติมอ่างน้ำของมันทุกใบแล้ว ฉันก็เที่ยวไปหาไข่ แม่ไก่ที่กำลังกกไข่ เอาไข่ซ่อนไว้ตามกองหญ้าแห้งบ้าง ในกองฟางบ้างและแม้แต่ในกองหญ้ารก ๆ ก็ยังมี ฉันได้ยินเสียงแม่ผิวปากอยู่ในกระท่อมขณะที่แม่ทำอาหารเย็น…”
บ้านเล็กในป่าใหญ่ : วิเคราะห์วรรณกรรมอมตะ
บ้านเล็กในป่าใหญ่ : มาฝึกภาษาอังกฤษ โดยฟังหนังสือเสียง เรื่อง Little House in the Big Woods ได้ที่นี่
Hits: 18826
Facebook Comments
No related posts found