เรื่องราวของไขมันช่องท้อง
เรื่องราวของไขมันช่องท้อง เป็นหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับไขมันช่องท้อง ซึ่งหมายถึงไขมันรอบอวัยวะภายใน หรือบางทีเรียกว่า โรคอ้วนลงพุง โดยปกติร่างกายมีไขมัน 3 ประเภทหลัก คือ ไขมันช่องท้อง ไขมันใต้ผิวหนัง และไขมันอยู่ผิดที่ผิดทาง โดยไขมันช่องท้องสามารถลได้ง่ายที่สุด และเป็นสัญญาณอันตรายของวัยกลางคน เพราะจะสะสมง่ายเมื่ออายุมากขึ้น ผู้หญิงจะอยู่ในช่วงอายุ 45-55 ปี พอหมดประจำเดือนไขมันช่องท้องจะสะสมเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ส่งผลให้ไขมันใต้ผิวหนังสะสมยากขึ้น แต่สะสมไขมันช่องท้องได้ง่ายขึ้น
ลักษณะเฉพาะของไขมันช่องท้อง คือ "เพิ่มง่ายและลดง่าย" สิ่งที่ทำให้ไขมันช่องท้องเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการกิน คือกินคาร์โบไฮเดรต จำพวกข้าว แป้ง ขนมปัง และผลไม้มากเกินไป
หนังสือเล่มนี้ นำเสนอวิธีลดไขมันช่องท้องที่ “ทำได้ง่าย” และเต็มไปด้วยความรู้ที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างสุขภาพดี มาดูกันค่ะว่าเราจะทำได้อหรือเปล่า หากเราอยู่ภาวะแบบนี้ด้วย
นำเสนอเนื้อหาเป็นบททั้งหมด 5 บท คือ บทที่ 1 ไม่ต้องออกกำลังกายเพื่อลดไขมันช่องท้อง — บทที่ 2 หากปล่อยทิ้งไว้ไขมันช่องท้องอันน่ากลัวจะเป็นภัยถึงชีวิต — บทที่ 3 สุดยอดวิธีกินที่จะทำให้หน้าท้องยุบจนคุณแปลกใจ — บทที่ 4 กินอาหารนอกบ้านและงานเลี้ยงอย่างชาญฉลาด และ — บทที่ 5 ทำต่อเนื่องได้โดยไม่ฝืน! พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้ไขมันช่องท้องลดลง
ชื่อเรื่อง: เรื่องราวของไขมันช่องท้อง
ชื่อเรื่องต้นฉบับ: Nemurenakunaru Hodo Omoshiroi Zukai Naizoshibo No Hanashi
เรียบเรียงโดย คุริฮาระ ทาเคชิ.
แปลโดย พิมพ์ชนก เจียรวัฒนกุล
พิมพ์ครั้งที่ 1 มกราคม 2568
สำนักพิมพ์: สุขภาพใจ
จำนวนหน้า 132 หน้า
ISBN: 9786161406097
นอกจากนี้ไขมันช่องท้องยังเป็นสาเหตุของภาวะเมทาบอลิกซินโดรม หากไม่รักษา อาจนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดผิดปกติ และยังเป็นสัญญาณอันตรายถึงชีวิตที่ก่อให้เกิดโรคภัยอันน่ากลัว มาดูกันค่ะว่า
ไขมันช่องท้องน่ากลัวอย่างไร และเราสามารถกำจัดออกได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้สุขภาพร่างกายดี
ไม่ต้องออกกำลังกายเพื่อลดไขมันช่องท้อง
- รูปลักษณ์ที่แท้จริงของพุงป่อง ๆ คืออะไร — ไขมันรอบเอวภายในนำมาซี่งโรคที่เกิดจากพฤติกรรม สาเหตุของพุงป่องคือการสะสมของไขมันที่เรียกว่า “ไขมันช่องท้อง” ซึ่งมีลักษณะตามชื่อ หมายถึงไขมันที่สะสมอยู่รอบอวัยวะภายในและเยื่อหุ้มระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้ หากสะสมมากไปจะเรียกว่า “โรคอ้วนลงพุง” หรืออาจจะเรียกว่า “อ้วนแบบลูกแอปเปิล” เพราะรูปร่างเหมือนลูกแอปเปิล
- คนร้ายที่ทำให้ไขมันช่องท้องเพิ่มขึ้น คือคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง! — เพราะคาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนเป็นไขมันในร่างกายได้ง่ายกว่าไขมัน ดังนั้นหากใช้ชีวิตโดยกินคาร์โบไฮเดรตและไขมันมากเกินไป (โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรต) โดยไม่ขยับเยื้อนร่างกายและไม่ใช้พลังงานมากนัก ไขมันจะถูกเก็บสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง
- กระบวนการก่อนที่ไขมันจะสะสมในช่องท้อง — โดยจะมีการสะสมตามลำดับ จากใต้ผิวหนัง หากมีส่วนเกินจะถูกเก็บสะสมบริเวณช่องท้อง และหากมีส่วนเกินอีกจะถูกเก็บสะสมที่กลัามเนื้อและอวัยวะภายในและจุดอื่นที่ไม่ควรมี
- สาเหตุของความอ้วนมาจากการขาดโปรตีนจริงหรือ? — วิเคราะห์สุขภาพด้วยค่าอัลมูมิน การจะเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อจำเป็นต้องเพิ่มการออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกินโปรตีนที่จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้เพียงพอ ค่า “อัลมูมิน” จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณได้รับโปรตันเพียงพอหรือไม่
สุดยอดวิธีกินที่จะทำให้หน้าท้องยุบจนคุณแปลกใจ
- ลไกการลดน้ำหนักด้วยการจำกัดคาร์โบไฮเดรต”ข้อแนะนำเรื่องสมดุลอาหาร” ไม่สมดุลจริงเหรอ? — อัตราส่วนทีเหมาะสมคือ 5 (คาร์โบไฮเดรต) : 3 (โปรตีน) : 2 (ไขมัน) คือ ลดแป้ง เช่น ข้าว ขนมปัง และอาหารจำพวกเส้นทั้งหลายลงประมาณ 15% และกินโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์และเพิ่มขึ้นประมาณ 15% และเพียงคุณหยุดกินอาหารประเภทน้ำผลไม้และขนมหวานเป็นประจำ จะเห็นผลทันที
- กลไกการลดน้ำหนักด้วยการจำกัดคาร์โบไฮเดรต — คาร์โบไฮเดรตยังทำให้เกิดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำหรับกิจกรรมทางกาย ซึ่งขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิต แต่ถ้ามากเกินไปก็จะเกิดปัญหา ทำให้เลือดข้นและไหลผ่านหลอดเลือดลำบาก ทำให้เกิดความเสียหายกับหลอดเลือด และพัฒนาไปสู่โรคหลอดเลือดแข็งซึ่งเป็นภาวะที่ไขมันและคอเลสเตอรอลไม่ดีเข้าสู่บาดแผลในหลอดเลือดและเกิดเป็นคราบพลัค หากคราบพลัคลุกลามและแตกตัวออกจะเกิดเป็นลิ่มเลือด ซึ่งอาจทำให้หลอดเลือดอุดตันและปริแตก โรคหลอดเลือดแข็งมีอันตรายต่อสมองเป็นอย่างมาก เพราะจะนำไปสู่โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคเลือดออกในสมอง หัวใจก็ได้รับผลกระทบเพราะจะทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ลดคาร์โบไฮเดรตสักนิด ช่ยกำจัดไขมันข่องท้องได้ในคราวเดียว — เพียงลดข้าว 1 คำ เท่ากับลดคาร์โบไฮเดรตลงไป 15% และไขมันช่องท้องจะลดตามไปด้วย และให้เลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง เลือกเครื่องดิื่มเป็นน้ำเปล่ากับชาเขียว หลีกเลี่ยงข้าวปั้น ขนมปังหวาน หรืออาหารจากร้านสะดวกซื้อ เลี่ยงการกินมื้อดึก
หากปล่อยทิ้งไว้ไขมันช่องท้องอันน่ากลัวจะเป็นภัยถึงชีวิต
- ตราบใดที่ภาวะไขมันพอกตับยังรักษาไม่หายคงผอมไม่ได้ — ให้ระวังไขมันที่สะสมในตับ เรียกว่า “ไขมันพอกตับ” ซึ่งเป็นโรคที่กล่าวกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโรคที่เกิดจากพฤติกรรมทั้งหมด เช่น โรคเบาหวาน โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และภาวะผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง และเมื่อมีภาวะไขมันพอกตับ ความสามารถในการเผาผลาญของตับจะลดลง รวมทั้งความสามารถในการเผาผลาญร่างกาย และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่จะถดถอยลงด้วย ส่งผลให้ไขมันสะสมได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การรักษาไขมันพอกตับให้หายจึงมีความสำคัญต่อการลดน้ำหนักอย่างยิ่ง
- คนผอมหรือคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นโรคไขมันพอกตับได้เช่นกัน — จึงต้องระมัดระวังเรื่องไขมันอยู่ผิดที่ผิดทางและการกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ถึงแม้โรคอ้วนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงที่ทำให้เกิดภาวะไชมันพอกตับ แต่สิ่งที่ควรระมัดระวังคือไขมันอาจจะอยู่ผิดที่ซึ่่งเป็นไตกลีเซอไรด์ชนิดหนึ่งที่สะสมในตับและกล้ามเนื้อ พบได้แม้แต่ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำและมีหุ่นดี รวมถึงผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน และสามารถแบ่งภาวะไขมันพอกตับได้ คือ ไขมันพอกตับจากแอลกอฮอล์ และ ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ ซึ่งไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ มักพบบ่อยในเพศหญิงที่กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมาก เช่น ผลไม้ น้ำตาล ข้าว และขนมปัง และสุดท้ายจะเป็นมะเร็งตับ
- รู้ได้ว่าไขมันพอกตับหรือไม่ด้วยการตรวจค่า ALT (GPT) AST (GOT) ในโปรแกรมตรวจสุขภาพ — ALT (GPT) เป็นไขมันที่มีอยู่ในตับเป็นส่วนใหญ่ เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นเซลล์ตับจากการกินคาร์โบไฮเดรตมากเกิน ค่า ALT จะเพิ่มขึ้นก่อนสิ่งใด ค่า AST ไม่พบเพียงแค่ในตับเท่านั้น แต่จะพบในกล้ามเนื้อโครงร่างอีกด้วย เมื่อค่า AST เพิ่มขึ้น เซลล์ตับจะได้รับความเสียหายได้
- เริ่มต้นด้วยการรักษาภาวะไขมันพอกตับภายใน 1 สัปดาห์ –-การรักษาภาวะไขมันพอกตับที่ไม่รุนแรง สามารถทำได้ด้วยการควบคุมอาหารประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยลดการกินคาร์โบไฮเดรตลง โดยผู้หญิงไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตเกิน 220 กรัม/วัน ผู้ชายไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตเกิน 250 กรัม/วัน ต้องลดอาหารจำพวกแป้งลงประมาณ 15% และกินเนื้อ ปลา และผักให้มากขึ้น ลดการดื่มน้ำผลไม้และลดการกินของหวาน
กินอาหารนอกบ้านและงานเลี้ยงอย่างชาญฉลาด
- เลือกเมนูที่แล้วไม่อ้วนแม้จะกินอาหารนอกบ้าน — ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเส้นที่ทำให้กินเร็ว ดังนั้นการกินหารกด้วยระยะสั้น ๆ มักไม่รู้สึกถึงความอิ่มและจบลงด้วยการกินมากเกินไป และอาจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงอีกด้วย หากต้องการกินอาหารประเภทเส้น ให้กินเทมปุระโซบะเย็นจะดีกว่า ดังนั้นควรกินข้าวน้อย กินเมนูเส้นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทุกครั้งที่กินอาหารเซ้ต ถ้ามีข้าวหน้าต่าง ๆ แล้วให้เพิ่มสลัดเข้าไปด้วย
- เทคนิคการใช้บริการร้านสะดวกซื้อที่ช่วยลดไขมันช่องท้อง — ให้เลือกผักและเครื่องเคียงเป็นส่วนใหญ่ประเภทโปรตีน ไก่สลัด ชีส ไก่ย่าง โอเด้ง เป็นต้น ในทางกลับกันหลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีโปรตีนสูงและประเภทเส้น เช่น ข้าวปั้น ขนมปังหวาน ซาลาเปา
- สิ่งที่ควรกินก่อนไปงานเลี้ยง — หมายถึงเราจะต้องดื่มเหล้า ดังนั้นควรจะกินอาหารเหล่านี้ไปก่อน คืออาหารที่ช่วยดูแลตับ เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องดิ่มโยเกิร์ต นมวัน และชีส รวมถึง ผัก ประเภทกะหล่ำปลี มะเขือเทศ สาหร่ายและเห็ด เป็นต้น
- เลือกกินกับแกล้มที่ทำให้ผอมได้ — การเลือกกินกับแกล้มที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นเรื่องสำคัญเวลาที่อยู่ในวงเหล้า อาหารทอด มีแคลอรี่สูงแต่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงไม่ทำให้ไขมันสะสมในช่องท้อง เช่น ไก่ทอดคาราอาเกะ กับแกลัมประเภทถั่ว ทั้งถั่วแระญี่ปุ่น ผักดอง กิมจิ และสาหร่ายหมักน้ำส้มสายชู ทั้งนี้ หากดื่มเหล้าโดยไม่กินกับแกล้มเพราะต้องการลดน้ำหนักจะทำให้ตับพังรับภาระหนัก
- ข้อแนะนำเพื่อดื่มสบาย ๆ ที่บ้าน — การดื่มเหล้าจนดึกดื่นเป็นสิ่งไม่ควรทำ และเวลาดื่มแนะนำให้ใช้แก้วใบเล็กเท่าที่จะเป็นไปได้ จะเป็นการจิบเหล้าให้เป็นนิสัย และมีกฎ 4 ข้อของการดื่มที่บ้าน คือ 1) ไม่ดื่มจนดึกดื่นและดื่มให้เสร็จก่อน 22.00 น. 2) ซื้อเบียร์ขนาดเล็กเก็บไว้ และเทไวน์ลงในขวดพลาสติก 3) ส่วนกับแกล้มนั้น ให้ใส่เห็ดและน้ำส้มสายชูเข้าไปด้วย 4) ลองเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ด้วยแบบครึ่งครึ้่ง และไม่ควรดื่มเหล้าเพื่อให้ง่วงนอน อาจจะทำให้มีอาหารเหนื่อยล้าจาการนอนกหลับไม่สนิทหรือหลับ ๆ ตื่น ๆ ได้ และหากรุนแรงมากขึ้นจะสทำให้เกิดอาหารหยุดหายใจขณะหลับได้เช่นกัน
ทำต่อเนื่องได้โดยไม่ฝืน! พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้ไขมันช่องท้องลดลง
- จดบันทึกเป็นอย่างแรก — เป็นการไดอารี่การกิน คือการจดสิ่งที่กินหรือดื่มเข้าไปในสมุดโน๊ต สมุดบันทึก หรือโทรศัพท์ ทั้งมื้อเช้า เที่ยง เย็น รวมถึงเครื่องดิื่มด้วย และขอให้ทำร่วมกับการชั่งน้ำหนักและจดบันทึกทุกวัน
- แม้ทำเพียง 1 สัปดาห์ก่อนตรวจร่างกายก็เห็นผลได้ — อาศัยการตรวจสุขภาพเพื่อทบทวนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และให้ทบทวนพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่การตรวจสุชภาพ
- ผู้ชายขะเปลี่ยนแปลงหลังผ่านไป 2 เดือน ผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงหลังผ่านไป 3 เดือน — การลดลงของไขมันในผู้ชายจะเห็นผลหลังผ่านไป 2 เดือน ส่วนผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงหลังผ่านไป 3 เดือน การลดน้ำหนักควรลดลงอย่างช้าๆ 500 กรัมใน 1 เดือน ถ้าหากงดกินคาร์โบไฮเดรตอย่างสุดโต่งจนน้ำหนักลดลง 3-4 กิโลกรัมใน 1 เดือน จะส่งผลให้สภาพร่างกายแย่ลง และน้ำหนักจะเพิ่มกลับมามากกว่าเดิม และเสี่ยงกับการเกิดภาวะไขมันพอกตับจากภาวะทุพโภชนาการ การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เน้นการเพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน
- การนอนหลับที่ดีจะคลี่คลายทุกอย่าง — ถ้านอนไม่พอ ความอยากอาหารจะเพิ่มขึ้น และถ้านอนคุณภาพไม่ดีจะทำให้อ้วนง่าย ดังนั้นการนอนหลับอย่างพอเหมาะจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น เคล็ดลับให้นอนหลับดี ตั้งเวลาปลุกที่แน่นอน ปิดโทรศัพท์ก่อนนอน 1 ถึง 2 ชั่วโมง เช้านอนช่วง 4 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน และอาบแสงแดดยามเช้าหลังตื่นนอน
- ฯลฯ
ที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ให้ความรู้ในหนังสือ เรื่องราวของไขมันช่องท้อง หากเราอยากรู้มากกว่่านี้ เพื่อให้รู้ถึงอันตรายของไขมัน รวมถึงไขมันช่องท้องด้วย และหากเราลงมือที่จะลดให้จริงจังและต่อเนื่อง จะทำให้เรารอดพ้นจากภาวะนี้ได้ เพียงแค่ลดคาร์โบไฮเดรตไม่ใช่แคลอรี่ ในแต่ละวันลง 15% และเพิ่มโปรตีน ประเภทเนื้อสัตว์และไข่ เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อทดแทนส่วนนั้นอีก 15% จะได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นอย่างยิ่งเลย และหวังว่าอ่านเล่มนี้จะเป็นแรงผลักดันให้คุณทำได้ หาอ่านได้เลย ตามรายละเอียด
รายละเอียดการหาอ่านและยืมหนังสือของสมาชิกวลัยลักษณ์
เล่มหนังสือ
ชื่อเรื่อง : เรื่องราวของไขมันช่องท่อง Barcode : 1011765937 Call Number : QU86 ค74ซ 2567 Collection : Health Sciences Collection
หนังสือชุด ซีรีส์สนุกจนตาสว่าง
