ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
“ชวนอ่าน หนังสือเล่มนี้ ซี่งเป็นเรื่องราวของนัตสึกิ รินทาโร่ นักเรียนหนุ่มมัธยมปลาย ซึ่งอาศัยอยู่กับปู่ที่เป็นเจ้าของร้านหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง เมื่อปู่เสียชีวิตกะทันหัน เด็กหนุ่มได้รับสืบทอดกิจการ แต่ตัวเขากลับไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ในตอนนั้นเองแมวลายส้มพูดได้ ที่ชื่อ “โทระ” (แปลว่า เสืือ) ที่แอบอยู่ในร้านก็ปรากฏตัว แมวตัวนี้ขอให้รินทาโร่ร่วมเดินทางไปปกป้อง “หนังสือ” ให้พ้นจากเงื้อมมือของ “ศัตรู” ที่เกลียดชังหนังสือ การผจญภัยในเขาวงกตของคนกับแมวจึงเริ่มต้นขึ้น
“ข้าต้องการพลังของเจ้า รุ่นที่สอง” คือคำพูดที่แมวลายส้มได้เริ่ม และนั่นกลายเป็นการเดินทางในครั้งนี้ ท่ามกลางความงุนงงและความรู้สึกแปลกประหลาดของนัตสึกะ “ชั้นหนังสือสองฝั่งมีหนังสือเล่มหนาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เรียงต่อกันไปจนสุดสายตา หนึ่งคนกับหนึ่งตัวย่องไปตามทางเดินน่าพิศวงซี่งโอบล้อมด้วยแสงขาวนวล”
การผจญภัยของคนและแมว และยูซุกิ ซาโยะ เด็กสาวหัวหน้าห้องที่คอยห่วงใยเด็กหนุ่ม จะต้องเดินทางถึง 4 คร้ั้ง เรียกว่า เขาวงกต เพื่อจะพิทักษ์หนังสือของร้านเอาไว้ตามความต้องการของ โทระ แมวลายเสือสีส้ม
หนังสือเล่มนี้ฟังชื่อเหมือนจะบรรยากาศน่ารัก มีแต่ความอบอุ่นและเน้นความรักความผูกพันเด็กชาย หนังสือ และแมวลายเสือสีส้ม บางส่วนอาจจะใช่ เพราะการบรรยายร้านหนังสือของคุณปู่ ถือเป็นร้านหนังสือในอุดมคติสำหรับนักอ่านเลย “ร้านหนังสือนัตสึกิ” เป็นการบรรยากาศร้านหนังสือเก่า ๆ หนังสือเต็มไปหมด และบรรยากาศอบอุ่น เพราะคุณปู่เป็นคนรักหนังสือมาก และมีคำคมดีดีเกี่ยวกับการอ่าน ซึ่งสืบทอดมายังหลานชาย และในชีวิตประจำวันจะต้องเกี่ยวข้องกับการดูแล เอาใจใส่ และอ่านหนังสือท่ามกลางบรรยากาศเงียบ อบอุ่นไปด้วยความรักของคนสองคน แต่พอปู่จากไป ก็จะมีบรรยากาศเศร้างไปอีกแบบ แต่จริง ๆ แล้วเนื้อหา และบรรยากาศส่วนใหญ่ของหนังสือเล่มนี้เป็นแนวแฟนตาซี อ่านไปจินตนาการไปในแต่ละฉาก แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าผู้เขียนต้องการสื่อความหมายว่าอย่างไร และต้องการสื่ออะไรไปยังผู้อ่าน เขาต้องการอะไรกันแน่ในการเขียนบทนี้่ ท่อนนี้ ลองมาสัมผัสเนื้อหาในเล่ม


ซึ่งได้แบ่งเป็น 6 บท ประกอบด้วย
- ปฐมบทจุดเริ่มต้น
- บทที่หนึ่งเขาวงกตแห่งที่หนึ่ง ‘ผู้กักขัง’
- บทที่สองเขาวงกตแห่งที่สอง ‘ผู้ตัดฉับๆ’
- บทที่สามเขาวงกตแห่งที่สาม ‘ผู้ขายดี’
- บทที่สี่เขาวงกตแห่งสุดท้าย
- ปัจฉิมบทบทลงเอย
เขาวงกตแห่งที่หนึ่ง
ผู้กักขัง เป็นตัวแทนของนักอ่านผู้เน้นปริมาณ ตะบี้ตะบันอ่านเพราะกลัวว่ามีหนังสืออีกมากที่ยังไม่ได้อ่าน
เขาวงกตแห่งที่สอง
ผู้ตัดฉับๆ ตัวแทนของผู้พยายามหาวิธีอ่านให้รวดเร็วที่สุด ด้วยการย่อหรือตัดตอนให้สั้นลงจนอ่านจบภายในเวลาไม่นาน
เขาวงกตแห่งที่สาม
ผู้ขายดี ตัวแทนของผู้ที่เชื่อว่าหนังสือที่ดีคือหนังสือที่ขายดี (ฉันคิดว่าผู้เขียนตั้งใจสื่อสารถึงคนทำหนังสือหรือสำนักพิมพ์)
เขาวงกตแห่งสุดท้าย
คู่ต่อสู้ที่ลึกลับ
สำหรับรินทาโร่ แล้ว ร้านหนังสือแห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันล้ำค่า เพราะปู่ของเขาได้สร้างไว้ให้หลานชายที่เป็นคนชอบเก็บตัว เขารู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นในโรงเรียน จึงจดจ่ออยู่กับการเปิดหนังสืออ่านในมุมหนึ่งของร้าน ร้านหนังสือนี้จึงเป็นเหมือนที่ลี้ภัยและที่พักใจของเขา
และการเดินทางไปยังเขาวงกตทั้งสี่ อาจจะเป็นเหมือนอุปสรรคของนัตสึกิต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของหนังสือถึง 4 คนด้วยกัน ทั้ง “ผู้กักขังหนังสือ” “ผู้ตัดหนังสือฉับๆ” “ผู้ขายดี” และสุดท้าย คู่ต่อสู้ที่ลึกลับ
การเดินทางนี้เป็นเหมือนการเดินทางค้นหาตัวเอง ว่าเราอ่านหนังสือไปทำไม อ่านเพื่ออะไร และเราจะได้อะไรจากการอ่านบ้าง และเราควรจะอ่านต่อหรือไม่ หาคำตอบได้จากหนังสือเล่มนี้
คำคมในหนังสือ
“การอ่านหนังสือก็คล้ายกับการปีนเขา การอ่านหนังสือไม่ควรหวังแค่ความสำราญหรือความน่าตื่นเต้น บางครั้งเราต้องดื่มด่ำลงไปทีละประโยค อ่านเนื้อหาเดิมซ้ำไปซ้ำมา หรืออ่านช้าๆ พร้อมกับกุมขมับไปด้วย งานที่ยากลำบากนั้นช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เราแบบไม่ทันตั้งตัว เหมือนเวลาปีนถึงยอดเขาแล้วเห็นทิวทัศน์กว้างไกล”
“ถึงจะอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง โลกที่เรามองเห็นก็ไม่ได้กว้างขึ้นตามไปด้วยหรอก ต่อให้หาความรู้ใส่ตัวมากแค่ไหน แต่ถ้าหลานไม่คิดด้วยสมองตัวเองและเดินด้วยขาตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของที่หยิบยืมคนอื่นมาโดยไม่มีแก่่นสาร”
ควรอ่านเล่มนี้ หากคุณรักหนังสือ รักการอ่าน และเป็นทาสแมว
Facebook Comments
No related posts found