เพราะนี่คือสิ่งที่ (นักจิตวิทยา) ไม่เคยบอก
MAYBE YOU SHOULD TALK TO SOMEONE
“บางครั้งผู้ที่ไม่ได้ไปพบนักบำบัดหรือนักจิตวิทยาอาจมีอาการหนักกว่าผู้ที่ไปพบนักบำบัดก็เป็นได้ เพราะเราทุกคนล้วนมีปัญหา และมีปมซ่อนอยู่ภายในใจเสมอ สิ่งนี้เองที่ทำให้บางช่วงชีวิตของเราเกิดสะดุดล้มลง หรือทำสิ่งใดผิดพลาดไป แต่ถ้าหากเรารู้ทันมันและได้คลายปมก่อนจะสายเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความไม่เข้าใจในตัวเองหรือผู้อื่นก็ตาม จะทำให้เราได้กลับมามีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน”
หนังสือ “เพราะนี่คือสิ่งที่ (นักจิตวิทยา) ไม่เคยบอก” หรือ Maybe You Should Talk to Someone
ทำไมเราจะต้องอ่านเล่มนี้
ผู้เขียนเล่าวิธีการ ประสบการณ์ มุมมองและเหตุการณ์ที่เจอจากคนไข้ของเธอ รวมถึงประสบการณ์ของตัวเองเมื่อเจอปัญหาที่ต้องอาศัยการบำบัดจากนักบำบัดเหมือนกัน และต้องทำการบำบัดคนอื่นไปด้วย เล่าสลับไปมา พร้อมกับให้ข้อคิดแทรกอยู่ให้คนอื่นได้ขบคิดจากคนไข้ของเธอ
ผู้เขียนเล่าเรื่องราวต่อเนื่อง รวม 4 บท 58 เรื่อง เล่าเรื่องราวของตัวเอง และของคนไข้ สลับกันไปพร้อม ๆ กับได้แทรกข้อคิด แนวคิด มุมมอง และชื่อเรื่องคือคำอธิบายเรื่องราวของตอนนั้นๆ
ข้อคิดจากเนื้อหา "เพราะนี่คือสิ่งที่ (นักจิตวิทยา) ไม่เคยบอก
ภาคหนึ่ง

ภาคสอง

ภาคสาม

ภาคสี่

“บางครั้งผู้ที่ไม่ได้ไปพบนักบำบัดหรือนักจิตวิทยาอาจมีอาการหนักกว่าผู้ที่ไปพบนักบำบัดก็เป็นได้ เพราะเราทุกคนล้วนมีปัญหา และมีปมซ่อนอยู่ภายในใจเสมอ สิ่งนี้เองที่ทำให้บางช่วงชีวิตของเราเกิดสะดุดล้มลง หรือทำสิ่งใดผิดพลาดไป แต่ถ้าหากเรารู้ทันมันและได้คลายปมก่อนจะสายเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความไม่เข้าใจในตัวเองหรือผู้อื่นก็ตาม จะทำให้เราได้กลับมามีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน”
9
ภาพถ่ายของตัวเราเอง
คนที่มารับการบำบัด คือคนที่กำลังนำเสนอภาพถ่ายของตัวเอง ส่วนนักบำบัดก็ต้องทำความเข้าใจคนไข้จากภาพถ่ายเหล่านั้น คนไข้มาถึงในสภาพย่ำแย่ที่สุดหรืออย่างน้อยก็ไม่สบายใจนัก พวกเขาอาจสิ้นหวังหรือตั้งแง่ สับสนหรือวุ่นวายใจ โดยทั่วไปมักอารมณ์ไม่ดี
ดังนั้นนักบำบัดจึงฟัง แนะนำ กระตุ้น นำทาง และบ่อยครั้งยังโน้มน้าวคนไข้ให้เผยภาพถ่ายมุมอื่นให้เห็นบ้าง เพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในและรอบตัวพวกเขา เราจะนำภาพถ่ายเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกัน แล้วไม่นานก็จะเห็นว่าภาพที่ไม่ประติดปะต่อนี้หลอมรวมเป็นแก่นเรื่องเดียวกัน อาจไม่ใช่เรื่องคนไข้คิดไว้เลยด้วยซ้ำในตอนที่ตัดสินใจมาพบนักบำบัด
เมื่อเธอซึ่งเป็นนักบำบัดได้เจอปัญหาของตัวเอง และรู้ว่าเธอรู้จักความเจ็บปวดดี เพราะเธอก็เจอปัญหาระหว่างเธอกับแฟนหนุ่ม
“นักบำบัดย่อมรับมือกับความท้าทายของชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับคนอื่น อันที่จริงความคล้ายคลึงนี้เป็นรากฐานของสายใยที่เราถักทอร่วมกับคนแปลกหน้าผู้ไว้ใจเล่าเรื่องราวและความลับอ่่อนไหวที่สุดให้เรารู้ การเรียนรู้ฝึกฝนทฤษฎี วิธีใช้เครืื่องมือ และเทคนิคต่าง ๆ ให้เรา แต่ความรูู้ที่ได้มายากเย็นนี้ก็ทำให้เรารู้ดีว่าการเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งนั้นยากเย็นเพียงใด พูดได้เรายังมาทำงานทุกวันในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เรามีเรื่องอ่อนไหวของตัวเอง มีความปรารถนา ความกลัว และเรื่องราวหนหลังของตัวเอง คุณสมบัติสำคัญที่สุดของฉันในบรรดาคุณสมบัติต่าง ๆ ที่นักบำบัดพึงมีก็คือการที่ฉันเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งอย่างเต็มตัว”
“หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดของการบำบัด คือการช่วยให้คนไข้รับผิดชอบกับปัญหาที่ประสบพบเจอ เพราะเมื่อพวกเขารู้ว่า สามารถ (และต้อง) สร้างชีวิตของตนเอง พวกเขาก็จะมีอิสระในการเปลี่ยนแปลง แต่บ่อยครั้งคนเราแบกความเชื่อว่าปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุรอบตัวหรือเป็นไปตามสถานการณ์ พูดอีกอย่าง คือ มีสาเหตุจากภายนอก ดังนั้นปัญหาเกิดจากคนอื่นหรือสิ่งอื่น เกิดจากภายนอก พวกเขาจะพยายามเปลี่ยนแปลงทำไม ต่อให้ตัดสินใจทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม โลกก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมใช่ไหมเล่า”
เป็นคำโต้แย้งที่มีเหตุผล แต่่ชีวิตจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
“นักบำบัดจะยกกระจกให้คนไข้ส่อง แต่คนไข้จะยกกระจกให้นักบำบัดส่องด้วย การบำบัดไม่ใช่การกระทำฝายเดียว มันเกิดขึ้นเป็นกระบวนการคู่ขนาน”
“ความย้อนแย้งที่น่าสนใจของกระบวนการบำบัด ก็คือ นักบำบัดพยายามมองให้เห็นคนไข้ในแบบที่พวกเขาเป็นจริง ๆ เพื่อให้ทำงานได้ นั้นก็หมายถึงสังเกตเห็นจุดอ่อนไหว รวมถึงรูปแบบการปกป้องตัวเองและต่อส่วนกับปัญหา ส่วนคนไข้ก็อยากให้อีกฝ่ายช่วยนั่นแหละ แต่ก็อยากให้คนอื่นชอบและชื่นชมตัวเองด้วย”
41
มีศักดิ์ศรีกับสิ้นหวัง
การยกโทษอาจเป็นเรื่องยากพอๆกับการขอโทษ คุณขอโทษเพราะมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหรือเพราะมันจะทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้น คุณขอโทษเพราะเสียใจในสิ่งที่ทำหรือพยายามเอาใจคนอื่น ผู้เชื่อว่าคุณควรขอโทษในสิ่งที่คุณเองไม่รู้สึกว่าเป็นความผิด คำขอโทษนี้เพื่อใครกันแน่
ข้อสรุปของฉันก็คือ คุณมีเมตตาได้โดยไม่ต้องยกโทษ มีวิธีการมากมายในการเดินหน้าต่อไป การแสร้งทำเป็นรู้สึกบางอย่างไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ในช่วงแรกของของการทำให้คนไข้รู้สึกว่ามีผู้รับฟังปัญหาและรับฟังพวกเขาเข้าใจเรื่องที่สำคัญหรือพยายามเปลี่ยนแปลงอะไร
คุณจะต้องรู้สึกเจ็บปวดบ้าง ...ทุกคนล้วนเคยรู้สึกเจ็บปวดในบางช่วงเวลา แต่คุณไม่ต้องทนทุกข์มากนักก็ได้
การยกโทษอาจเป็นเรื่องยากพอๆกับการขอโทษ
เพราะการเข้าใกล้เป้าหมายแต่ไปไม่ถึงนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าไม่มีโอกาสลองทำตั้งแต่ต้น
ฉันรู้ดีว่าคนเราจะรู้สึกสบายใจแค่ไหน เมื่อได้โทษโลกภายนอกตอนหงุดหงิด
คนมักเข้าใจผิดคิดว่าความรู้สึกเฉยชาคือไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ความจริงคนที่เฉยชายังมีความรู้สึกอยู่ มันเป็นแค่การตอบสนองเมื่อเรามีความรู้สึกมากเกินไปต่างหาก
เราขอให้คนอื่นยกโทษให้เพื่อที่เราจะไม่ต้องยกโทษให้ตัวเอง
ทุกคนที่คนเคยสนิทสนมด้วยจะคงอยู่ตรงไหนสักแห่งในตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นอดีตคนรัก พ่อแม่และเพื่อน ทั้งคนที่ยังอยู่และจากไปแล้ว
เมื่อเราอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว จะพบว่า.....
- เอ้ย มันดีจริง มีแนวคิด หลักคิดมากมายที่นำมาปรับใช้กับใจของตัวเอง ยามมีปัญหา เราอาจคิดได้ในมุมอีกมุมที่จะทำให้เราคลายทุกข์ได้
- ในทุกอาชีพจะมีมุมมอง และสิ่งคนอื่นอาจจะไม่รู้ เราต้องเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะรู้ได้เอง
-
มีความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีด้านจิตวิทยา ด้านการบำบัด การแสดงออกของพฤติกรรมของมนุษย์ที่อยู่ในเนื้อหาซึ่งล้วนแต่เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งตัวเราเอง
- การอ่านหนังสือเล่มนี้ เปิดโลกทัศน์การมองคนได้อีกหลายแง่มุม ที่เราไม่รู้มาก่อน และรู้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้แหละ
- ชื่อหนังสือ : เพราะนี่คือสิ่งที่ (นักจิตวิทยา) ไม่เคยบอก
- Book Title : Maybe Yiu Should Talk to Someone
- ผู้เขียน : Lori Gottlieb
- ปีพิมพ์ : 2562
- เลขหมู่หนังสือ : BF 109 ก53พ 2562
- สามารถตรวจสอบสถานะหนังสือและยืมอ่านได้ คลิก
Review this Book


Facebook Comments
No related posts found