มัสยิด : ศาสนสถานอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ความหมาย
มัสยิด (Masjid : مسجد) ภาษาอาหรับ หมายถึง สถานที่ละหมาด สถานที่ประกอบศาสนกิจของมุสลิม ในชุมชนสร้างมัสยิดขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ละหมาด สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ศูนย์รวมของมุสลิมในชุมชนและสถานที่พัก สถานที่ละหมาดสำหรับคนเดินทาง
สุเหร่า (Surau : مُصَلَّى) ภาษามลายู เป็นสถานที่ละหมาดและประกอบพิธีทางศาสนา เช่นกัน ภาคใต้ใช้ภาษามลายู ก็จะได้ยินและคุ้นเคยกับคำว่าสุเหร่ามากกว่า
องค์ประกอบหลักของมัสยิด
- โถงละหมาด
- มิห์รอบ แสดงทิศของกิบลัต
- มิมบัร สำหรับให้อิหม่ามหรือคอเต็บขึ้นกล่าวคุตบะฮ์
- มักซุรัท ฉากสำหรับใช้กั้นพื้นที่หน้าซุ้มมิห์รอบ
- แท่นสำหรับผู้ขานสัญญาณ ส่งเสียงให้สัญญานต่อจากอิหม่ามเพื่อให้คนที่ยืนไกลในมัสยิดสามารถได้ยิน ปัจจุบันแท่นนี้อาจไม่มีเพราะใช้เครื่องขยายเสียง
- ลานอเนกประสงค์ หรือโถงอเนกประสงค์ภายในบริเวณมัสยิด
- ที่อาบน้ำละหมาด
- หออะซาน การอะซานเป็นการเรียกให้มาสู่การละหมาดเมื่อถึงเวลา
- ซุ้มประตู บอกถึงการเข้ามาภายในมัสยิด พื้นที่สงบ สำรวม
บทบาทของมัสยิด
- สถานที่ละหมาด
- สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
- สถานที่ศึกษา อบรม ให้ความรู้ สอนจริยธรรม สอนศาสนา
- สถานที่พิจารณาตัดสินปัญหา แก้ไขปัญหา ของมุสลิมในชุมชน
- สถานที่พบปะ ประชุมของคนในชุมชน
- เป็นศูนย์กลางแจ้งข่าวสาร ศาลาประชาคม ทั้งในกิจการของศาสนา และกิจการของสังคม ประเทศ
- สถานที่พักชั่วคราวสำหรับผู้เดินทาง
- สถานที่พักสำหรับผู้ประสบภัย ในภาวะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- สถานที่รับบริจาค เก็บรักษาสิ่งของที่ได้รับบริจาค และแจกจ่ายของบริจาค
- ฯลฯ
มัสยิดที่สำคัญ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเงินราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบทุนในการจัดซื้อที่ดินของมัสยิด
1.มัสยิดกลางนครศรีธรรมราช
ที่ตั้ง: อาคารมัสยิดกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช หมู่ที่ 3 ตำบลนาทราย อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ลักษณะสถาปัตยกรรม: ศิลปะอิสลามร่วมสมัย อาคารมัสยิดมีผังรูปสี่เหลี่ยม มีโดมใหญ่อยู่ตรงกลาง ยอดโดมประดับสัญลักษณ์ดาวและพระจันทร์เสี้ยว มุมทั้ง 4 มีหออะซาน ซุ้มประตูและหน้าต่างมัสยิดประดับกระจกสีลายเรขาคณิต
ประวัติความเป็นมา:
- ปี 2545 ที่ประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช มีมติเห็นชอบที่จะให้มีมัสยิดกลางประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
- 24 กย.2557 รัฐบาลได้รับโครงการสร้างมัสยิดกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช
- ตค.2557 ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัทนัศร็อนมุสลิมกรุ๊ป เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
- 4 พย.2557 นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเทฐานรากมัสยิดกลางประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
- กพ.2560 ก่อสร้างแล้วเสร็จ
- 18 พย.2560 เปิดใช้อย่างเป็นทางการ โดยมีนายอาศิศ พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เดินทางมาเป็นประธานในพิธี
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินสมทบทุนจัดซื้อที่ดิน อันยังประโยชน์ในการประกอบศาสนกิจของพสกนิกรผู้นับถือศาสนาอิสลาม และศาสนิกชนทั่วไป ด้วยทรงมุ่งมั่นที่จะทรงอุปถัมภ์ทะนุบำรุงกิจการของศาสนาอิสลามในประเทศไทย ในฐานะที่ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
- 15 มกราคม 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประธานในพิธีมอบเงินพระราชทาน จำนวน 4,500,000 บาท (สี่ล้านห้าแสนบาท) เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ แก่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อที่ดินของมัสยิดกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชเพิ่มเติม เป็นเนื้อที่จำนวน 7 ไร่ 53.5 ตารางวา โดยมีประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้รับมอบ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช
บทบาทของมัสยิดกลางนครศรีธรรมราช:
-
- เป็นศูนย์กลางบริหารกิจการศาสนาอิสลาม
-
- เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งชาวต่างประเทศ
-
- เป็นสถานที่ฝึกอบรม พัฒนาบุคลากรทางการศึกษาภาคฟัรดูอีน ในการเรียนการสอนของเยาวชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
-
- เป็นสถานที่จัดงานเมาลิดกลางของจังหวัด
-
- เป็นศูนย์กลางในการกล่อมเกลาเยาวชน ประชาชนชาวไทยมุสลิมในพื้นที่และใกล้เคียงในการลด ละ เลิก ยาเสพติด ผ่านกระบวนการความเชื่อทางศาสนา
-
- รองรับการท่องเที่ยวอันเนื่องมาจากการเปิดประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน
-
- ฯลฯ
2.มัสยิดซอลาฮุดดีน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานเงินราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซื้อที่ดินสำหรับสร้างมัสยิด
ที่ตั้ง: ถนนกะโรม ต.คลัง อำเภอมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ลักษณะสถาปัตยกรรม: ศิลปกรรมของอิสลาม มีโดมใหญ่ยอดโดมประดับสัญลักษณ์ดาวและพระจันทร์เสี้ยว มีหออะซาน ซุ้มประตูเป็นรูปโดม ล่างโดมใหญ่ตรงกลาง คือคําปฏิญาณตน
أشهد ألا إله إلّا الله “อัชฮะดุ อัลลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ” มีความหมายว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ”
وأشهد أن محمداً رسول الله ”วะอัชฮะดุ อันนะ มุหัมมะดัร รอซูลลุลลอฮฺ” มีความหมายว่า “นบีมุหัมมัด (ซ.ล.) เป็นร่อซูลของพระองค์”
ประวัติความเป็นมา:
-
- ประมาณปี พ.ศ. 2440 สร้างมัสยิด เป็นอาคารไม้ ติดกับที่ดินของวัดมเหยงค์ เรียก “สุเหร่านอก” เนื่องจากตอนนั้นบริเวณถนนราชดำเนิน มีสุเหร่า 2 แห่งด้วยกัน ซึ่งก็คือ สุเหร่านอก (มัสยิดซอลาฮุดดีน อยู่ด้านนอกของถนนราชดำเนิน ) และ สุเหร่าใน (มัสยิดญาเมี๊ยะ อยู่ถนนราชดำเนิน)
-
- พ.ศ. 2470 ทางราชการต้องการพื้นที่สร้างโรงเรียนบริเวณมัสยิด จึงได้ขอให้ย้าย “สุเหร่านอก” ออกจากพื้นที่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ทรงรับสั่งให้เลือกที่ดินสำหรับสร้างมัสยิด ในที่ดินวัดร้าง คือ วัดท่าช้าง วัดชายตัง วัดพระเงิน (เจดีย์ยักษ์) อิหม่ามและคณะกรรมการมีมติเลือกที่ดินวัดร้าง “วัดท่าช้าง” เป็นที่ตั้งมัสยิด และได้รื้อถอน “สุเหร่านอก” ออกจากที่ดินเดิม สร้างอาคารชั่วคราวในที่ดินวัดท่าช้าง และเรียกชื่อใหม่ว่า “สุเหร่าท่าช้าง”
-
- พ.ศ. 2473 เริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารมัสยิดเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างตามเงินรายได้ที่ได้มา
-
- พ.ศ. 2490 เปลี่ยนชื่อจาก “สุเหร่าท่าช้าง” เป็น “มัสยิดซอลาฮุดดีน” คณะกรรมการ มัสยิดซอลาฮุดดีน ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนมัสยิด เจ้าหน้าที่ธรณีสงฆ์ได้คัดค้าน “จะจดทะเบียนให้มัสยิดซอลาฮุดดีนไม่ได้ เพราะไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง เท่าที่ตั้งอยู่นี้ ตามหลักฐานเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในที่ดินวัดท่าช้างเท่านั้น”
-
- พ.ศ.2498 ทางคณะกรรมการมัสยิดถวายฎีกา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานที่ดินวัดท่าช้างร้าง เป็นสถานที่ก่อสร้างมัสยิดซอลาฮุดดีน “มีพระราชดำรัสให้ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของมัสยิด โดยได้จัดทำเป็นที่ดินผาติกรรม (ที่ดินผาติกรรม คือการจำหน่ายครุภัณฑ์เพื่อประโยชน์สงฆ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเอาของแลกเปลี่ยนเอาของดีกว่าให้แก่สงฆ์ ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)”
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานเงินราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 42,935 บาท เป็นค่าผาติกรรม ผ่านทางกระทรวงมหาดไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนั้น และได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จ
-
- พ.ศ.2500 มัสยิดได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งมัสยิด โดยได้จดทะเบียนในชื่อ “มัสยิดซอลาฮุดดีน” หมายเลขทะเบียนที่ 37 ลงวันที่ 23 เมษายน 2500 ทางราชการออกโฉนดที่ดินให้ โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 400 ตารางวา หรือ 1 ไร่ เป็นด้านกว้าง 20 ตารางวา ด้านยาว 20 ตารางวา
-
- 15 มีนาคม 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรถยนต์พระที่นั่ง ได้เสด็จไปน้ำตกพรหมโลก รถขบวนพระที่นั่งเสด็จผ่านหน้ามัสยิดซอลาฮุดดีน มีซุ้มประตูที่ชาวมุสลิมสร้างเพื่อรับเสด็จ
ทรงหยุดรถยนต์พระที่นั่ง ทรงพระราชดำเนินเยี่ยมมัสยิดซอลาฮุดดีน โดยไม่มีกำหนดการ เสด็จเข้าทางประตูด้านหน้า (ทิศเหนือ) ถนนกะโรม ผ่านซุ้มประตูมัสยิด บันไดหน้ามัสยิด และทรงประทับบนมิมบัร
-
- พ.ศ. 2509 เปิดโรงเรียนสอนฟัรดูอีน (สอนศาสนาอิสลามขั้นพื้นฐาน)
-
- พ.ศ. 2514 มัสยิดสร้างเสร็จ เปิดใช้อย่างเป็นทางการ
บทบาทต่อชุมชน:
-
- สถานที่ละหมาด
-
- สถานที่ปฏิบัติศาสกิจ
-
- สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
-
- สถานศึกษา โรงเรียนสอนฟัรดูอีนสำหรับชาวมุสลิมในชุมชนท่าช้างและชุมชนใกล้เคียง
-
- สถานที่สำหรับคนเดินทาง
-
- ฯลฯ
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานเงินพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นค่าผาติกรรมที่ดินสร้างมัสยิดซอลาฮุดดีน มิมบัรยังคงอยู่ที่เดิม เรื่องราวติดตรึงในหัวใจชาวมุสลิมนครศรีธรรมราชไม่เคยเลือนหาย มุสลิมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา นี่คือความผูกพันของมุสลิมในจังหวัดนครศรีธรรมราชกับ พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร
3. มัสยิดญาเมี๊ยะ
คำว่า “ญาเมี๊ยะ” جامعة เป็นภาษาอาหรับ หมายถึง “ที่ชุมชน”
ที่ตั้ง: ถนนราชดำเนิน ตรงกันข้ามกับ วัดมเหยงคณ์ ใกล้สี่แยกตลาดแขก
ประวัติความเป็นมา:
มัสยิดญาเมี๊ยะ สร้างก่อนปี พ.ศ. 2435 ต่อมาเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ตั้งแต่ถนนเพนียดไปถึงข้างวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช บริเวณไฟไหม้ที่มีเขตกว้างมาก บ้านเรือนราษฎร วัดมเหยงคณ์ ถูกไฟไหม้เหลือแต่มัสยิดญาเมี๊ยะ กับบ้าน 1 หลัง มัสยิดญาเมี๊ยะ ที่เหลือจากไฟไหม้เป็นอาคารไม้ พื้นและฝาเป็นกระดาน หลังคามุงสังกะสี มีระเบียงและบันไดด้านทิศเหนือและด้านทิศใต้ของอาคาร มีประตูเข้า-ออกด้านตะวันออก
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม: อาคารปัจจุบันสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบเปอร์เซีย แบบแปลนเอามาจากแคว้นแคชเมียร์ในประเทศอินเดีย
บทบาทต่อชุมชน:
-
- สถานที่ละหมาด
-
- สถานที่ปฏิบัติศาสกิจ
-
- สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
-
- สถานศึกษา โรงเรียนสอนฟัรดูอีนสำหรับชาวมุสลิมในชุมชนตลาดแขกและชุมชนใกล้เคียง
-
- สถานที่สำหรับคนเดินทาง
-
- ฯลฯ
มัสยิดและสุเหร่า คำทั้งสองมีความหมายเหมือนกัน ใช้งานเหมือนกัน เป็นสถานที่ละหมาดและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเหมือนกัน ต่างกันที่
-
- รากศัพท์ สุเหร่า มีรากศัพท์จากภาษามลายู มัสยิด มีรากศัพท์จากภาษาอาหรับ
-
- “มัสยิด: Masjid مسجد” คำที่ทุกคนทั่วโลกรู้จัก และสามารถใช้สื่อสารได้ทั่วโลก ส่วนคำว่า “สุเหร่า: Surau مُصَلَّى” เป็นคำที่มุสลิมภาคใต้ของไทย และประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนใช้กันนั่นเอง
“อิสลามไม่มีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์เป็นสิ่งแทนศาสนา มัสยิดคือสถานที่ละหมาดและประกอบศาสนพิธี”
ทั้งมัสยิดและสุเหร่ามีการละหมาดวันศุกร์, ละหมาด 5 เวลา, ละหมาดสุนัต ใช้สถานที่สอนศาสนา และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเหมือนกัน มีบทบาทต่อสังคมเหมือนกัน ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าสุเหร่ามีขนาดเล็ก ความงาม ความโออ่า จะไม่เท่ามัสยิด นั่นเพราะว่าสุเหร่ามักสร้างในชุมชน โดยมุสลิมในชุมชน สร้างตามกำลังทรัพย์เพื่อรองรับมุสลิมในชุมชนเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งมัสยิดและสุเหร่าก็เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมทั่วโลก มีบทบาทต่อโลกมุสลิมเหมือนกันทุกประการ “บ้าน โรงเรียน มัสยิด” บทบาทที่แตกต่าง แต่คาบเกี่ยวกัน บางทีเราจะเห็นทั้งมัสยิดและโรงเรียนคือสถานที่เดียวกัน โรงเรียนในมัสยิด เรียนหนังสือที่มัสยิด และสำหรับคนเดินทาง บ้านและมัสยิดคือสถานที่เดียวกัน คือเป็นสถานที่พักแรมและเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ “มัสยิด มีบทบาทในทุกเวลาของชีวิตมุสลิม”
“มัสยิด มีบทบาทในทุกเวลาของชีวิตมุสลิม”
ข้อมูลอ้างอิง:
-
- มัสยิดกลางนครศรีธรรมราช https://www.halalthailand.com/article/57
-
- ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกในการทะนุบำรุงและดำเนินกิจกรรมทางศาสนา พระราชทานเงินสมทบทุนซื้อที่ดินมัสยิดกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช https://www.royaloffice.th/2021/01/20/ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก/
-
- ศศิพร เวชวิฐาน. มัสยิดซอลาฮุดดีน http://www.sure.su.ac.th/xmlui/bitstream/id/19a91550-379f-479a-86a2-c2c2da8fcfe5/fulltext.pdf?attempt=3
-
- มัสยิดญาเมี๊ยะ https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/21424
Visits: 1177